จังหวะสอย RBF ช่วงอ่อนตัว โบรกฯอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 11 บ. ปรับประมาณกำไรปี 63-64 เพิ่ม!

จังหวะสอย RBF ช่วงอ่อนตัว โบรกฯอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 11 บ. ปรับประมาณกำไรปี 63-64 เพิ่ม!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ณ เวลา 16.05 น. อยู่ที่ระดับ 9.60 บาท ลบ 0.25 บาท หรือ 2.54% สูงสุดที่ระดับ 9.85 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 9.45 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82.77 ล้านบาท

ด้านบทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุคำแนะนำ “ซื้อ” แม้ระยะสั้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังถือเป็นระดับที่แข็งแกร่ง และคาดจะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 3/63 จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2563-64 ขึ้น 8%-12% เป็น 545 ล้านบาท (+42.5% จากปีก่อน) และ 630 ล้านบาท (+15.5% จากปีก่อน) ตามลำดับ และ Re-rate target PE ขึ้นเป็น 35 เท่า จากเดิม 25 เท่า มาจาก 2 เหตุผลหลักคือ

1) คู่แข่งต่างชาติที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน และ Listed อยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ Kerry Group, International Flavors & Fragrance และ Mccormick ปัจจุบันซื้อขายกันที่ PE เฉลี่ย 33 เท่า สูงขึ้นกว่าในอดีตที่เทรดกันที่เฉลี่ย 26 – 27 เท่า เพราะตลาดเริ่มให้ Premium กับธุรกิจอาหารที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบต้นทุนอย่างกลิ่น และสี มากขึ้น เนื่องจากตอบโจทย์กับความต้องการของ ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว และยิ่งกระแสเทรนด์รักสุขภาพเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ ความต้องการวัตถุดิบผสมในอาหารของ RBF จะยิ่งเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น

และ 2) รายได้หลักของ RBF มาจากลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่มราว 35% – 40% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากในอดีตเทียบปี 2559 ที่มีสัดส่วนกลุ่มนี้ต่ำกว่า 30% ของรายได้รวม

ขณะที่กลุ่มนี้ปัจจุบันซื้อขายกัน ที่ PE 30 – 35 เท่า ดังนั้นการขยับ Target PE ของ RBF ขึ้นมาเป็น 35 เท่า ฝ่ายวิจัยมองว่าเหมาะสม และไม่ Aggressive จนเกินไป เพราะสุดท้ายหัวใจหลักของอาหารและเครื่องดื่มที่จะทำให้ผู้บริโภคพึงพอใจ และมีการซื้อซ้ำจนสามารถติดตลาดได้ นั่นคือ รสชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ RBF ให้บริการได้ เราจึงปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 11 บาท (อิง PE 35 เท่า)

ทั้งนี้ หากกำไรไตรมาส 2/63 เป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรปกติงวดครึ่งแรกของปีนี้ที่ 269 ล้านบาท (+52% จากปีก่อน) แนวโน้มกำไรจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังปี 63 เบื้องต้นคาดไว้ไตรมาสละ 130 – 135 ล้านบาท ปัจจัยหนุนมาจาก 1) ล่าสุดคำสั่งซื้อธุรกิจอาหารได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และได้เห็นผู้ประกอบการเครื่องดื่มต่างทยอยออกสินค้าใหม่ และสินค้าเดิมรสชาติใหม่กันอย่างต่อเนื่อง

อาทิ เครื่องดื่มชูกำลัง, เครื่องดื่มผสมวิตามิน และเครื่องดื่ม Functional เป็นต้น

2) น่าจะกลับมาทยอยรับรู้ Project ของลูกค้าที่ถูกเลื่อนออกมาอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มที่ลูกค้ากำลังเตรียมผลิตสินค้าใหม่สำหรับขยายตลาดส่งออก

3) อยู่ระหว่างขยายตลาด Fragrance (สำหรับ Non-Food เช่น สบู่ โลชั่น) จากเดิมที่เป็นการ Trading สัดส่วนรายได้ 2562 เพียง 1.7% ของรายได้รวม แต่ปัจจุบันบริษัทหันมาผลิตเอง และผลิตให้กับลูกค้าที่มีชื่อเสียงในท้องตลาดด้วย ซึ่งหากโตได้ตามเป้าปีละ 20% จากปีก่อน จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นในระยะถัดไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ต่ำกว่า Flavor เล็กน้อย แต่สูงกว่า Food Coating มาก

4) อยู่ระหว่างร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่น San-Ei Gen ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Natural Color และเป็นคู่ค้ากับ RBF มา 4-5 ปี ล่าสุดได้เข้ามาถือหุ้น RBF ราว 3% และทำธุรกิจร่วมกัน โดยให้ RBF ทำการตลาดในไทย และภูมิภาคอาเซียน ที่ RBF มีความถนัดมากกว่า คาดช่วยหนุนการเติบโตในระยะถัดไป

Back to top button