แพนิกหุ้นไฟแนนซ์
เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) ราคาหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ลงมาค่อนข้างมาก
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) ราคาหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ลงมาค่อนข้างมาก
ปัจจัยมาจาก “แพนิก” หรือการตื่นตกใจกับประเด็นลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบัตรเครดิต บุคคล และจำนำทะเบียนรถ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่ที่ตื่นตกใจกันมาจาก “ความเข้าใจผิด”
เพราะเดิมอาจคิดว่า ดอกเบี้ยที่ปรับลงมาเป็น “มาตรการชั่วคราว”
ทว่ากลับได้รับการยืนยันจากทาง ธปท.ว่าเป็น “มาตรการถาวร”
นั่นหมายความว่า ดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่ลงจาก 18% เหลือ 16% รวมถึงดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล ลงจาก 28% เหลือ 25% และ และจำนำทะเบียนรถจาก 28% เหลือ 24%
และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ดอกเบี้ยใหม่ที่ถูกปรับลงทั้งหมดนี้ จะถูกนำมาใช้ตลอดไป
หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจาก ธปท. อีกครั้ง
ทันทีที่ได้รับการยืนยัน ส่งผลให้ หุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC ลดลง 1.00 บาท มาที่ 30.00 บาท เปลี่ยนแปลง -3.23%
หุ้น บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS ลดลง 4.75 บาท มาที่ 99.25 บาท เปลี่ยนแปลง -4.57%
หุ้น บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD ลดลง 3.25 บาท มาที่ 46.25 บาท เปลี่ยนแปลง -6.57%
และหุ้น บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC ลดลง 2.25 บาท มาที่ 49.00 บาท เปลี่ยนแปลง -4.39%
การที่ราคาหุ้นปรับลงมาอีก (หลังเคยร่วงมาแล้วจากข่าวเดียวกัน)
เพราะนักลงทุนคิดไปว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากดอกเบี้ยถูกปรับลง
จะส่งผลเชิงลบเพียงแค่สิ้นปีนี้เท่านั้น
และพอมาถึงปี 2564
ดอกเบี้ยเดิมที่เคยถูกปรับลงไป จะถูกกลับนำมาใช้ตามปกติ
แต่เมื่อไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงมีการคาดเดากันไปว่า เมื่อเป็นแบบนี้ ย่อมอาจจะกระทบกับกำไรของหุ้นเหล่านี้ทั้งหมด
ในมุมมองของนักวิเคราะห์ต่างออกมาวิเคราะห์เรื่องดังกล่าวทันที
ในส่วนของ KTC กับ AEONTS ถูกประเมินว่า จะได้รับผลกระทบมากสุด เพรามีสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลอยู่ในพอร์ตค่อนข้างมาก
แต่หากถามว่า จะทำให้ถึงกับขาดทุนเลยหรือเปล่า
คำตอบคือ “ไม่”
นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า กำไรอาจปรับลดลงบ้าง (แค่นั้นเอง)
แต่ยังเชื่อว่าผู้บริหารของทั้ง KTC และอิออนฯ น่าจะหาแนวทางแก้ปัญหา ด้วยการหารายได้เพิ่มทางอื่น ๆ
หรือปรับลดรายจ่ายลงมา เพื่อรักษาอัตรากำไรสุทธิเอาไว้
ส่วนหุ้น SAWAD และ MTC นั้น
ส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ
และอัตราดอกเบี้ยที่นำมาใช้จะต่ำกว่าเกณฑ์ของธปท.อยู่แล้ว หรือระหว่าง 19-22%
ส่วนเกณฑ์ ธปท.อยู่ที่ 24%
ในส่วนของ SAWAD นั้นมีสินเชื่อบางประเภทที่คิดดอกเบี้ยเกินกว่าเกณฑ์ (ใหม่) ของ ธปท.
แต่ได้รับการยืนยันจากผู้บริหาร SAWAD ว่า สินเชื่อประเภทนี้มีสัดส่วนไม่มากนัก หรือไม่ถึง 5% ของสินเชื่อรวม
แนวทางแก้ปัญหา คือ จะลดพอร์ตสินเชื่อประเภทนี้ออกไป
จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนั่นเอง
SAWAD วันนี้ (6 ส.ค.) ขึ้นเครื่อง XD เพื่อจ่ายเงินปันผล 1.40 บาทต่อหุ้น พร้อมกับแถมใบสำคัญแสดงสิทธิ หรือ Warrant อัตราส่วน 25 : 1 (25 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนต์)
เงินปันผลนี้ จ่ายสำหรับงวดดำเนินงาน 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 62 และจากกำไรสะสม
นักวิเคราะห์มองกันว่า หุ้นอย่าง SAWAD และ MTC ที่ปรับลง
เป็นโอกาสดีที่ทยอยสะสมเข้าพอร์ต
แม้ช่วงไตรมาส 2 อัตรากำไรจะเติบโตถดถอยบ้าง
แต่เชื่อว่าในไตรมาส 3 และ 4 อัตรากำไรจะกลับมาเติบโตตามปกติได้