“สปส.” ผุดไอเดีย ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3% ช่วยผู้ประกันตน ทดแทนคืนเงินชราภาพ ก่อนเกษียณ

“สำนักงานประกันสังคม" (สปส.) ผุดไอเดีย ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3% บรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตน ชี้คืนเงินชราภาพก่อนเกษียณ ตามข้อเรียกร้อง ต้องแก้ที่กม. อาจใช้เวลานาน


นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และโฆษกสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกันตนแสดงความต้องการที่จะขอนำเงินชราภาพจากกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ก่อนครบกำหนดเกษียณอายุว่า  เรื่องนี้สำนักงานประกันสังคมกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการในแนวทางใดเป็นการทดแทนความเดือดร้อนได้บ้าง

“ใน พ.ร.บ.กำหนดว่า ถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน เราต้องจ่ายเป็นบำเหน็จ แต่ถ้าเกินกว่า 180 เดือนขึ้นไป จะจ่ายเป็นบำนาญ การแก้ไขให้นำเงินมาใช้ได้ก่อนชั่วคราวนั้น จะต้องแก้พ.ร.บ. ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร เรากำลังดูว่าจะใช้วิธีไหน อาจต้องเทียบเคียงกับต่างประเทศที่ใช้หลักการจ่ายเงินสมทบและให้สิทธิประโยชน์คล้ายๆ ไทย ว่าเขาดำเนินการกันอย่างไร ตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่” นางพิศมัย ระบุ

ในปัจจุบัน พ.ร.บ.ประกันสังคม มีข้อกำหนดว่า ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ ต่อเมื่อผู้ประกันตนได้จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน (ไม่ว่าระยะเวลา 180 เดือนจะติดต่อกันหรือไม่ก็ตาม) โดยประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ มี 2 รูปแบบ คือ 1.เงินบำนาญชราภาพ และ 2.เงินบำเหน็จชราภาพ

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้นำเงินชราภาพออกมาใช้ภายหลังครบกำหนดเกษียณอายุ เนื่องจากเพื่อต้องการให้ผู้ประกันตนได้มีเงินไว้ใช้ในยามชราภาพ ซึ่งจะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริงในวัยหลังเกษียณ แต่จากที่มีผู้ประกันตนหลายคนเรียกร้องเข้ามาว่าต้องการจะนำเงินชราภาพออกมาก่อนใช้ในช่วงที่ประสบปัญหาเดือดร้อน โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดนั้น เรื่องนี้สำนักงานประกันสังคมกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการในแนวทางใดเป็นการทดแทนความเดือดร้อนได้บ้าง

“การนำเงินออกมาใช้ตอนนี้ เป็นการทำให้เงินของผู้ประกันตนจะหายไปจากระบบ และเมื่อถึงเวลาจะใช้ยามชราภาพจริง เงินก้อนนี้จะลดน้อยถอยลง แต่เราก็ไม่ได้ตัดสิทธิความเห็นเหล่านี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะใช้แนวทางไหนบ้าง” นางพิศมัย กล่าว

พร้อมกันนี้ระบุว่า โดยเบื้องต้น อาจจะให้ผู้ประกันตนสามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำจากแหล่งเงินทุนที่เป็นเครือข่ายของสำนักงานประกันสังคม หรือธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งปัจจุบันกองทุนประกันสังคมให้กู้เฉพาะนายจ้าง โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 3% ซึ่งในช่วงที่ประสบปัญหาวิกฤติโควิดนี้ พบว่ามีนายจ้างยื่นขอกู้เงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ในส่วนลูกจ้างนั้น กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ขณะนี้สำนักงานฯ ได้ดำเนินการยกร่างแก้ไขกฎหมายไป 1 ฉบับ ซึ่งเป็นในส่วนของการรับเงินชราภาพ โดยได้ขยายอายุการครบกำหนดเกษียณจากเดิม 55 ปี เป็น 60 ปี และช่วงเปลี่ยนผ่าน จะให้ผู้ประกันตนได้รับการเยียวยาชดเชย (กรณีปกติไม่ใช่โควิด) โดยในกรณีที่อายุ 55 ปีขึ้นไปแล้ว สามารถเลือกรับบำเหน็จส่วนหนึ่งก่อน แล้วส่วนที่เหลือจะรับเป็นบำนาญต่อในภายหลังก็ได้ ซึ่งขณะนี้กฎหมายดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ส่วนกฎหมายอีกฉบับที่จะแก้ไข คือ ให้ผู้ประกันตนที่รับเงินชราภาพแบบบำนาญ สามารถใช้สิทธิประกันสังคมต่อได้ใน 3 กรณี คือ เจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้กฎหมายยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน

นางพิศมัย กล่าวด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคมเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมได้มีการเสนอให้ขยายระยะเวลาการลดอัตรานำส่งเงินสมทบในส่วนของนายจ้าง และลูกจ้างที่อัตรา 2% ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ ส.ค.-ต.ค.63 ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบในช่วงสถานการณ์โควิด โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครม.เร็วๆ นี้

Back to top button