สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ส.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 ส.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดของสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,976.84 จุด เพิ่มขึ้น 289.93 จุด หรือ +1.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,380.35 จุด เพิ่มขึ้น 46.66 จุด หรือ +1.40% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,012.24 จุด เพิ่มขึ้น 229.42 จุด หรือ +2.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในยูโรโซนขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมิ.ย. หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.11% ปิดที่ 374.88 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,280.12 จุด เพิ่มขึ้น 125.78 จุด หรือ +2.04%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,058.63 จุด เพิ่มขึ้น 111.74 จุด หรือ +0.86% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,073.31 จุด เพิ่มขึ้น 45.32 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) โดยบวกขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษเริ่มขยายตัว นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนของอังกฤษได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,280.12 จุด เพิ่มขึ้น 125.78 จุด หรือ +2.04%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) หลังสหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของความต้องการใช้น้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 42.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2563
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 45.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. 2563
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากราคาทองร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับสัญญาทองคำ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.7 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 1,949 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 7.0 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 25.979 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 12.2 ดอลลาร์ หรือ 1.26% ปิดที่ 959.2 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 2,168.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.20% สู่ระดับ 93.4457 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9122 ฟรังก์ จากระดับ 0.9173 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3253 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าแตะที่ระดับ 106.85 เยน จากระดับ 106.65 เยน
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1783 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1745 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3026 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3062 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7162 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7151 ดอลลาร์สหรัฐ