LANNA คาดกำไร H2/58 ใกล้เคียง H1/58 ชะลอซื้อเหมืองถ่านหินอินโดฯ

LANNA คาดกำไร H2/58 ใกล้เคียง H1/58 ชะลอซื้อเหมืองถ่านหินอินโดฯ


นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณขายถ่านหินจากเหมืองอินโดนีเซียในปี 59 จะเท่ากับปีนี้ที่ 6 ล้านตัน แต่จะเพิ่มเทรดดิ้งที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซียในคลังสินค้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น 1.1-1.2 ล้านตัน จากปี 58 ที่ 9 แสนตัน

เนื่องจากการขายเทรดดิ้งมาร์จินดีกว่าการขายถ่านหินจากเหมือง ขณะที่เจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้ายื่นประมูลซัพพลายถ่านหินป้อนโรงไฟฟ้ากระบี่ ทีเตรียมเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงเล็งยื่นประมูลซัพพลายถ่านหินป้อนโรงไฟฟ้าหงสาในลาวด้วย

ด้านราคาถ่านหินยังมองว่าจะอยู่ระดับทรงตัวจนถึงกลางปี 59 จากภาวะโอเวอร์ซัพพลาย และราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลง ทำให้ยังคงต้องชะลอแผนการซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียออกไป หลังล่าสุดยังตกลงราคาไม่ได้

ส่วนธุรกิจเอทานอลคาดว่ารายได้ในปี 59 จะลดลงไม่มากจากปีนี้ เพราะตั้งเป้าจะมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นมาที่ 120 ล้านลิตร จาก 106 ล้านลิตรในปีที่แล้ว แต่ราคาขายคงไม่สูงกว่าปีนี้ โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีราคาเฉลี่ยที่ 25 บาท/ลิตร และคาดว่าราคาเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีหลังจะลดลงราว 0.30 บาท/ลิตร ส่วนราคาขายเอทานอลในปี 59 มองว่าจะอยู่เฉลี่ยราว 23 บาท/ลิตร ใกล้เคียงกับราคาในช่วงครึ่งหลังปีนี้

ขณะที่มองราคาโมลาสซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเอทานอล ในช่วงปี 59 น่าจะอยู่ที่อยู่ที่ตันละ 4,000 บาทต้นๆ ต่ำกว่าปีนี้ที่ 4,700 บาท/ตัน เนื่องจากราคาน้ำตาลถูกมากส่งผลให้ราคาโมลาสก็น่าจะปรับลงด้วย แต่ราคาโมลาสจะไม่ลงมากเท่ากับราคาน้ำตาลเพราะยังมีความต้องการใช้เพื่อผลิตเอทานอลอยู่

LANNA มีฐานการผลิตและจัดจำหน่ายถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย โดยถือหุ้น 55% ในเหมือง LHI และถือหุ้น 65% ในเหมือง SGP ขณะเดียวกันยังถือหุ้น 51% ในบมจ.ไทยอะโกร เอ็นเนอร์ยี่(TAE) ซึ่งทำธุรกิจเอทานอลด้วย

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ยังมั่นใจว่าจะทำกำไรสุทธิได้แน่นอน แม้ว่าในในช่วงไตรมาส 2/58 กำไรจะลดลงจากไตรมาส 1/58 ก็ตาม แต่ในช่วงครึ่งปีแรกก็สามารถทำกำไรสุทธิได้ระดับ 191 ล้านบาทแล้ว และคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังก็จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก แม้ว่าในส่วนของปริมาณขายถ่านหินจะน้อยกว่าครึ่งแรกที่ทำได้ 3.05 ล้านตัน

เนื่องจากมีแผนจะลดการผลิตของเหมือง SGP ลงอีก เพราะการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ยังขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ทำให้ต้องพยายามบริหารจัดการแหล่งผลิตจากเหมืองให้มีกำไรด้วยการลดการผลิตลง โดยทั้งปีนี้คาดว่าจะมีการผลิตลดลงจากกำลังการผลิตระดับปกติที่ 2-2.5 ล้านตัน/ปี ส่วนการดำเนินงานของเหมือง LHI ยังนับว่ามีกำไรอยู่ ก็จะคงระดับการผลิตที่ 3-3.5 ล้านตัน/ปี

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า แผนการซื้อเหมืองถ่านหินใหม่ในอินโดนีเซียนั้น คงชะลอไว้ก่อนเพราะผู้ขายไม่ลดราคาให้ ทำให้ต้องรอคณะกรรมการบริษัททบทวนแผนการลงทุนใหม่ในเดือนต.ค.นี้ และรอจังหวะที่เหมาะสมที่จะเข้าไปลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินใหม่

นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อเข้ายื่นประมูลเป็นผู้จัดหาถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้ากระบี่ ซึ่งคาดว่าจะประกวดราคาถ่านหินในช่วงสิ้นปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทสามารถหาพันธมิตรในไทยได้แล้ว 1 ราย และรอเจรจาพันธมิตรต่างประเทศอีก 1 ราย โดยกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้ากระบี่คาดว่าจะต้องใช้ถ่านหินราว 3 ล้านตัน/ปี ซึ่งทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)คงจะไม่เลือกซัพพลายเออร์เพียงรายเดียวอาจจะเลือก 2-3 ราย ซึ่งก็สามารถซัพพลายให้ได้ประมาณ 1-1.5 ล้านตัน/ปี

ส่วนโครงการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรท้องถิ่น หากรัฐบาลประกาศหรือเปิดให้ยื่นประมูลก็พร้อมจะเข้าร่วมประมูลด้วย โดยมองการลงทุนที่เกาะสุมาตรา มีกำลังการผลิตที่จะยื่นราว 150-300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ถ่านหินประมาณ 3 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปในอีก 1 ปีข้างหน้า

Back to top button