สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ส.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 28,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ หลังจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (convalescent plasma) ในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่เป็นความหวังว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบิน และกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,308.46 จุด เพิ่มขึ้น 378.13 จุด หรือ +1.35% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,431.28 จุด เพิ่มขึ้น 34.12 จุด หรือ +1.00% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,379.72 จุด เพิ่มขึ้น 67.92 จุด หรือ +0.60%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวิธีการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 1.58% ปิดที่ 370.85 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.73 จุด เพิ่มขึ้น 102.84 จุด หรือ +1.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,066.54 จุด เพิ่มขึ้น 301.74 จุด หรือ +2.36% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,007.89 จุด เพิ่มขึ้น 111.56 จุด หรือ +2.28%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐอนุมัติวิธีการรักษาโรคโควิด-19 ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าได้ช่วยหนุนตลาดด้วย หลังมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาเร่งการอนุมัติใช้วัคซีนของบริษัท
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,104.73 จุด เพิ่มขึ้น 102.84 จุด หรือ +1.71%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) หลังมีรายงานว่าบริษัทน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกพากันอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะเพื่อเตรียมรับมือกับพายุ 2 ลูกที่จ่อถล่มอ่าวเม็กซิโก ส่งผลให้มีการระงับการผลิตน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 28 เซนต์ หรือ 0.66% ปิดที่ 42.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.76% ปิดที่ 45.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นขานรับข่าวความคืบหน้าในการรักษาโรคโควิด-19
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 7.8 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,939.2ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 12.5 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 26.607 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 924.5 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 14.80 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 2,165.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมประจำปีของเฟดซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2563 และยอดขายสินค้าคงทนเดือนก.ค.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับลง 0.06% แตะที่ 93.3009 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.96 เยน จากระดับ 105.81 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3232 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3189 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 0.9112 ฟรังก์ จากระดับ 0.9122 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1790 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1787 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3056 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3093 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัวที่ระดับ 0.7160 ดอลลาร์สหรัฐ