STI คาดรายได้ครึ่งปีหลังโตต่อ ลุ้นคว้างาน 5 โครงการดันแบ็กล็อกทะยาน 5 พันลบ.
STI คาดรายได้ครึ่งปีหลังโตต่อ ลุ้นคว้างาน 5 โครงการดันแบ็กล็อกทะยาน 5 พันลบ.
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI กล่าวว่า บริษัทมั่นใจผลประกอบการในไตรมาส 3/63 เติบโตตามแผน โดยคาดรายได้จะใกล้เคียงไตรมาส 2/63 ที่มีรายได้ 402 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง โดยอย่างน้อยรายได้จะใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่มี 634.4 ล้านบาท
ส่วนทั้งปี 63 คาดว่ารายได้จะเติบโตเท่าตัวจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 727.28 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ต่อเนื่องจากที่มี 4,605.3 ล้านบาท (ณ 15 ส.ค.63 ) ทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 4-5 ปี และมีงานรอเซ็นสัญญา 5 โครงการ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท รวมทั้งเดือน ก.ย.คาดว่าจะได้รับงานเพิ่มเข้ามาอีก จึงประเมินว่าในปลายปีนี้ Backlog จะเพิ่มแตะระดับ 5,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทำให้มีการชะลอการลงทุนโดยเฉพาะคอนโดมีเนียมของเอกชน แต่คาดว่าเศรษฐกิจจะได้รับการกระตุ้นให้เติบโตต่อเนื่องก็คาดว่างานที่เลื่อนไปจะกลับมาในครึ่งปีหลัง ทำให้มีงานประมูลเพิ่มมากขึ้น และบริษัทฯ ได้ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งงานภาครัฐบาลและเอกชน โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) จะเป็นโอกาสในการต่อยอด Backlog และการรับรู้รายได้ที่มั่นคงระยะยาวมากยิ่งขึ้น
“จากเศรษฐกิจเช่นนี้ทำให้เรากระจายให้งานราชการมากขึ้น การชะลอตัวคอนโดมีผลกระทบกับการรับรู้รายได้บริษัทน้อยมาก และคาดคอนโดที่เลื่อนจะกลับมาไตรมาส 3-4 ก็จะดี หลังจากที่ควบรวม AEC ลักษณะงาน STI กับ AEC มีรูปแบบการบริหารโครงการเหมือนกัน ซึ่ง STI เชี่ยวชาญงานอาคาร ส่วน AEC เชี่ยวชาญงานโครงสร้างพื้นฐาน งานระบบล้อ ราง เรือ เข้ามาเสริมศักยภาพ ทำให้การดำเนินงานที่ต้นทุนลดลงและมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเม็ดเงินสำหรับการลงทุนกิจการอื่นเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ที่มีเงินลงทุนเพียงพอไม่กระทบกระแสเงินสดในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทางทีมบริหาร ให้ความสำคัญ M&A ต่อเนื่องจะพิจารณาอย่างดี
ทั้งนี้ STI มีผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 กำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาส อยู่ที่ 41.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.2 ล้านบาท หรือ 85.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการให้บริการ 401.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 229.8 ล้านบาท หรือ 133.5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
โดยสาเหตุสำคัญมาจากการเข้าลงทุนใน AEC ในสัดส่วน 63.75% ประกอบกับ การเติบโตของงานที่ปรึกษาบริหารและคุมงานก่อสร้างของกลุ่มบริษัทเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ สามารถส่งมอบงานได้ตามเป้าหมาย เช่น โครงการ One Bangkok โครงการปรับปรุงศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการ โซน C โครงการอาคารชุดพักอาศัยหลายโครงการ โครงการอาคารสำนักงาน และโครงการประเภทอาคารอเนกประสงค์ เป็นต้น