ดึงสติกันหน่อย!โมนิก้าและทีมงาน
*ถามว่า ประเด็นไหนที่ “โมนิก้า” ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในช่วงนี้ เดี๊ยนขอตอบอย่างไม่อิดออดว่า “ความเชื่อมั่น” เพราะเป็นเรื่องเดียวที่มีผลโดยตรงกับการลงทุน และยังเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า โอกาสที่ดัชนีจะทะยานขึ้นมีมากน้อยขนาดไหน? ซึ่งเป็นข้อมูลที่เดี๊ยนตามหามาเป็นเวลานาน แต่ยังตามหาไม่เจอสักที จึงประเมินสถานการณ์ในขั้นถัดไปไม่ออกไงล่ะค่ะ
*ถามว่า ประเด็นไหนที่ “โมนิก้า” ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในช่วงนี้ เดี๊ยนขอตอบอย่างไม่อิดออดว่า “ความเชื่อมั่น” เพราะเป็นเรื่องเดียวที่มีผลโดยตรงกับการลงทุน และยังเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า โอกาสที่ดัชนีจะทะยานขึ้นมีมากน้อยขนาดไหน? ซึ่งเป็นข้อมูลที่เดี๊ยนตามหามาเป็นเวลานาน แต่ยังตามหาไม่เจอสักที จึงประเมินสถานการณ์ในขั้นถัดไปไม่ออกไงล่ะค่ะ
*เมื่อทุกคนยังมีอาการมืดแปดด้าน ผสานกับมีอาการจิตตกปรากฏให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถึงไม่สามารถคาดหวังอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะไม่มีอะไรที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ขนาดหุ้นหลายตัวรูดลงมาจนต่ำกว่าราคาเหมาะสม ยังไม่มีแรงงัดให้หุ้นกลับขึ้นไปยืนที่เดิมได้เลยแบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นการปล่อยเกียร์ว่าง เพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ
*นั่นหมายความว่า ตลาดหุ้นจะถูลู่ถูกังต่อไปอีกพักใหญ่ๆ เพราะฝรั่งตาน้ำข้าวยังสาดหุ้นออกมาไม่เลิก บวกกับกองทุนหันมาเล่นบทเพลย์เซฟด้วยการรอซื้อของถูก เพื่อหาจังหวะไปขายที่ราคาแพงกว่า เมื่อวันศุกร์ดัชนีถึงร่วงลงมาปิดที่ 1,365.61 จุด ลบไป 6.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.27 หมื่นล้านบาท เพราะไม่มีใครคิดจะต่อกรกับแรงเทขายที่มีอยู่เป็นจำนวนมากพะยะค่ะ
*วันนี้ถึงไม่ต้องมาถาม “โมนิก้า” หุ้นบลูชิพตัวไหนจะมา? หุ้นบลูชิพตัวไหนควรเลี่ยง? เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้ก็คือ นโยบายลดพอร์ตลงทุนของต่างชาติยังดำเนินต่อไปบวกกับการยกเลิกการจัดงาน Thailand Focus 2016 ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แมงลือเม้าท์ให้ฟังว่า เหมือนเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้เล่นหลักทางอ้อม จึงไม่มีใครคิดจะกอดหุ้นต่อไปไงล่ะค่ะ
*เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า งานนี้เป็นช่องทางเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จัดการกองทุนทั่วโลก และยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนไทยได้โชว์ศักยภาพให้ฝรั่งตาน้ำข้าวให้เห็นเต็มสองลูกตา บวกกับหลายครั้งเมื่อจัดงานเสร็จปุ๊บ หลังจากนั้นหุ้นขึ้นปั๊บทันที “โมนิก้า” ถือเป็นประเด็นที่น่าขบคิดไม่ใช่น้อย ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหน ต้องให้ผู้รู้ออกมาให้ข่าวเองค่ะ
*เหมือนกับการกลับตัวขึ้นของ PTT KTB ADVANC INTUCH เป็นการทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หรือเป็นแค่การรีบาวด์ที่เห็นได้บ่อยครั้งในยามนี้หรือเปล่า “โมนิก้า” ขอตอบกลับไปในทันทีว่า อย่าคาดหวังกับชีวิตมากเกินไป! เพราะก่อนหน้านี้เคยคิดว่าลงมาเยอะ เอาเข้าจริง กลับลงไปอีก เดี๊ยนถึงต้องการให้ผู้เล่นกำหนดโพสิชั่นการลงทุนให้ชัดเจนว่า ยาวแค่ไหน? เจ้าค่ะ
*อีกหนึ่งตัวอย่างที่อยากให้แฟนคลับตั้งสติให้ดีก็คือ IVL กว่าจะขึ้นมายืนเหนือ 28 บาทได้ ใช้เวลาตั้ง 5-6 เดือน พอถึงบทจะเลิกเล่น ก็ใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ หุ้นรูดลงมาปิดที่ 21.10 บาท ลบไป 1.80 บาท หรือลงไป 7.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 700 ล้านบาท หากจะเม้าท์มอยด์ว่า เกิดจากการขึ้นเครื่องหมาย XD เมื่อวันที่ 20 ส.ค. หุ้นละ 0.24 บาท ยิ่งเป็นคำอธิบายที่ไม่เข้าท่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันชี้ชัดว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 มีปัญหาแน่ๆ พวกนกรู้ถึงทิ้งหุ้นกันอุตลุดไงล่ะค่ะ
*เมื่อหุ้นขนาดใหญ่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี หุ้นขนาดเล็กอย่าง PK จึงกลายเป็นตัวเลือกหลักในทันที และไม่ใช่ครั้งแรกที่หุ้นตัวนี้ถูกหยิบขึ้นมาปั่นกระแส “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉยๆ ที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.35 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 13.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 660 ล้านบาท เพราะของมันรู้กันมาตั้งนานแล้วว่า หุ้นที่เดินมาทรงนี้จะดีในระยะแรกๆ หลังจากนั้นจะแพ้ภัยตัวเอง (กำไรทำได้ไม่ตามเป้า) คนที่กระโจนเข้าใส่ต้องรู้จัก CUT ให้เป็นนะคะ
*เช่นเดียวกับในรายของ TNPC จู่ๆ เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.36 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 19% ด้วยมูลค่า 270 ล้านบาท ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นจนต้องร้องวี้ดว้ายกระตู้วู้ เพราะในช่วงปลายเดือนเม.ย. ต่อเนื่องถึงกลางเดือนพ.ค. ก็เคยดันหุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 3.50 บาท หลังจากนั้นปล่อยร่วงลงมากองที่ 2 บาท..มีใครจำได้บ้างไหม? ยกมือขึ้นให้ดูหน่อย..อิอิอิ
*วันนี้ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้น CPR ทิ้งดิ่งลงมาปิดที่ 5.35 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.70% ด้วยมูลค่า 590 ล้านบาท เพราะวันก่อนเพิ่งเม้าท์ให้ฟังกันหยกๆ และขอเรียนตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่เคยคิดห้ามเล่นหุ้นร้อนในห้วงเวลานี้ เนื่องจากมันไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่านี้อีกแล้ว และหุ้นตัวนี้ก็เป็นของแก้ขัดที่ถูกดันขึ้นมาเป็นแนวหน้า จึงมีคนเข้ามาร่วมวงเยอะแยะไปหมดไงล่ะค่ะ
*ป.ล.วันนี้ขอเม้าท์ถึงเรื่อง บล.เออีซี ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ “เสี่ยชูวงษ์” เพื่อเป็นการดึงสติของผู้คนให้กลับสู่ความเป็นจริงกันบ้าง เพราะเปเปอร์ล่าสุดที่ไปรับมากับมือของตัวเองมีการระบุวันของการทำธุรกรรมค่อนช้างชัดเจน คิดดูง่ายๆ คือ ทำการโอนวันที่ 8 มิ.ย. เอกสารทุกอย่างน่าจะไปถึงเสี่ยวันที่ 10-12 มิ.ย. และคงรู้แล้วว่า ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นเสี่ยก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุวันที่ 26 มิ.ย. แล้วเอกสารจะปลอมได้อย่างไร? และยังมีอีกข้อมูลเด็ดอีกมากมายที่เดี๊ยนจะเล่าให้ฟังในวันหน้า..วันนี้เอาแค่ น้ำจิ้ม..น้ำจิ้ม ไปก่อนนะตัวเอง