RBF วิ่งแรง 5% ลุ้นแตะเป้า 11 บาท รับผลงานครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ล่าสุด ณ เวลา  น. อยู่ที่ระดับ 10.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.50 บาท หรือ 4.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 369.03 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันนับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 9.75 บาท เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563 ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11 บาท

ด้าน นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในครึ่งปีหลังเน้นสินค้ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพตามกระแสความนิยมของโลก และสินค้ากลุ่มแต่งกลิ่น โดยเฉพาะกลิ่นหอม หลังจากมียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น เปลี่ยนรูปแบบจากช่วงก่อนหน้านี้ผู้บริโภคได้จัดสินค้าในกลุ่มนี้ เช่น น้ำหอม เป็นสินค้าในกลุ่มไม่จำเป็นหรือเป็นกลุ่มฟุ่มเฟือย

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 63 เติบโต 10-12% จากปีก่อน แม้ว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก็ตาม ทำให้ช่วงครึ่งปีแรกบริษัททำรายได้รวม 1,508.74 เติบโต 6.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 147.59 ล้านบาท เติบโต 73.67% แต่บริษัทมองว่ายังมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจและโควิด-19 ยังไม่แน่นอน ทำให้บริษัทไม่ดำเนินธุรกิจเชิงรุก โดยจะเน้นการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่า 40% ด้วยการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก จากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงไปมากแล้ว ทำให้ร้านอาหารต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ และคนยังนิยมทานอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอาหารซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักยังคงสั่งซื้อสินค้าส่วนผสมอาหารเข้ามาต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันการกลับมาเปิดโรงงานในประเทศอินโดนีเซียในช่วงไตรมาส 3/63 จะเข้ามาเสริมกำลังการผลิตในประเทศ รองรับออเดอร์ของลูกค้าที่เข้ามาได้มากขึ้น ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง และบริษัทเตียมเปิดสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์เร็วๆ นี้ จะช่วยรับออเดอร์เข้ามาเสริมอีก

ส่วนโรงงานในประเทศเวียดนาม บริษัทเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปทดสอบระบบหลังจากช่วงที่ผ่านมายังไม่สามารถเดินทางไปได้ จากผลกระทบการปิดน่านฟ้า โดยบริษัทจะส่งทีมงานไปทดสอบระบบในช่วงปลายไตรมาส 3/63 หรือต้นไตรมาส 4/63 เพื่อให้ทันเปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปีนี้

สำหรับธุรกิจโรงแรมของบริษัท 2 แห่ง คือ โรงแรม Ibis Style เชียงใหม่ และ Novotel ชุมพร ขณะนี้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากปิดไปในช่วงไตรมาส 2/63 โดยทั้ง 2 โรงแรมได้เข้าร่วมโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”ทำให้มีนักท่องเที่ยวในประเทศเข้ามาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะในชุมพร เพราะเป็นจังหวัดที่สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวไปได้ ทำให้บริษัทมองว่าช่วงไตรมาส 4/63 ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง