SMEBank เผย 7 เดือนปีนี้ กำไร 706 ลบ.ปล่อยกู้ 1.92 หมื่นลบ. ทยอยขายหนี้เสีย

ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือ SMEBank เปิดเผยว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.58) ฟันกำไร 706 ล้านบาท สินเชื่อปล่อยใหม่โตฉลุย 1.92 หมื่นล้านบาท มั่นใจสิ้นปีเดินหน้าตามเป้า 4 หมื่นล้านบาท เร่งบริหารจัดการหนี้เสียเหลือ 2 หมื่นล้านบาท ลุ้น ครม.ใหม่เดินหน้ามาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น


ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือ SMEBank เปิดเผยว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.ค.58) ฟันกำไร 706 ล้านบาท สินเชื่อปล่อยใหม่โตฉลุย 1.92 หมื่นล้านบาท มั่นใจสิ้นปีเดินหน้าตามเป้า 4 หมื่นล้านบาท เร่งบริหารจัดการหนี้เสียเหลือ 2 หมื่นล้านบาท ลุ้น ครม.ใหม่เดินหน้ามาตรการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ธนาคารฯ สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 1.92 หมื่นล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นลูกหนี้สินเชื่อวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท จำนวน 8.71 พันราย และสิ้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมามียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 8.61 หมื่นล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส) อยู่ที่ 10.05% โดยจากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้ ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 4 หมื่นล้านบาท

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 2.71 หมื่นล้านบาท หรือ 31.52% ของสินเชื่อรวม โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารสามารถลดหนี้เสียได้ 4.8 พันล้านบาท จากการขายหนี้ภาคตะวันออก กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 6 กอง คิดเป็น 2.76 พันล้านบาท รวมทั้งมีการปรับโครงสร้างหนี้และรับชำระหนี้จากลูกหนี้เอ็นพีแอลด้วย โดยภายในสิ้นปีนี้ธนาคารพยายามบริหารจัดการหนี้เสียให้ลดลงเหลือ 2 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของสินเชื่อรวม

สำหรับโครงการสินเชื่อ Policy Loan ดอกเบี้ยต่ำ 4% ณ วันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีติดต่อขอสินเชื่อแล้ว จำนวน 8.2 พันล้านบาท คิดเป็น 1.68 พันราย ซึ่งเฉลี่ยวงเงินกู้รายละ 4.8 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวสูงถึง 70% หรือคิดเป็นวงเงิน 5.65 พันล้านบาท คิดเป็น 1.28 พันราย ขณะที่ธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 510.15 ล้านบาท คิดเป็น 158 ราย โดยการพิจารณาในช่วงต้นค่อนข้างล่าช้า เนื่องจากมีประเด็นเรื่องคำนิยามการเป็นลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งธนาคารได้ซักซ้อมความเข้าใจกับสาขาทั่วประเทศแล้ว ทำให้เชื่อว่าในระยะต่อไปจะสามารถทำงานได้เร็วขึ้น

ส่วนลูกค้าที่ไม่ผ่านเกณฑ์การกู้เงินในโครงการดังกล่าว ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งอาจไม่ใช่การให้สินเชื่อ แต่อาจเป็นการแนะนำวิธีการบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการให้ความช่วยเหลือเร็วๆ นี้

ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการกองทุนรวมลงทุนในกิจการเอสเอ็มอี กองย่อยกองที่ 1(Venture Capital) วงเงิน 500 ล้านบาท ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าข่ายรวมลงทุนเพิ่มอีก 4 ราย โดยเป็นธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 2 ราย อุตสาหกรรมพื้นฐาน 1 รายและอุตสาหกรรมแปรรูปจากพืชผลทางการเกษตร 1 ราย ส่วนผู้ประกอบการ 4 รายแรกที่เข้าร่วมโครงการไปแล้ว ธนาคารและผู้จัดการทรัพสต์ (Trust Manager) อยู่ระหว่างพิจารณาแผนการขยายกิจการ เพื่อกำหนดจำนวนเงินที่ธนาคารจะเข้าร่วมลงทุน ซึ่งตั้งเพดานไว้ไม่เกินรายละ 30 ล้านบาท รวมถึงอยู่ระหว่างการหารือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการเข้าร่วมในโครงการดังกล่าวด้วย

ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ มั่นใจว่า ครม.ชุดใหม่จะมีแนวทางการดูแลเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นอย่างดีเพราะปัจจุบันเอสเอ็มอียังเข้าถึงสถาบันการเงินได้น้อย และยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ยอดขายลดลง โดยมองว่าเอสเอ็มอีทุกกลุ่มควรได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งอยากให้มองไปที่กลุ่มต่างจังหวัดที่เกษตรกรไม่สามารถปลูกข้าวได้ ส่งผลให้ยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรก็ปรับลดลงด้วย

 

Back to top button