SET ซ้ำรอย Black Monday?

ย้อนรอย SET ปี 1987 - 1990 (จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)


ย้อนรอย SET ปี 1987 – 1990 (จาก Black Monday ไปแตะ 1,000 จุด)

 

ในทางการเงิน วันจันทร์ทมิฬ (อังกฤษ: Black Monday) หมายถึง วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2530 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกตกลงอย่างมาก คิดเป็นมูลค่ามหาศาลในเวลาอันสั้นอย่างยิ่ง การตกลงของตลาดหลักทรัพย์เริ่มต้นในฮ่องกง แล้วค่อยลุกลามไปทางตะวันตกถึงทวีปยุโรป และส่งผลต่อสหรัฐอเมริกาหลังตลาดอื่นปรับตัวลดลงอย่างมากแล้ว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) ปรับตัวลดลงถึง 508 จุด ไปปิดที่ 1738.74 จุด คิดเป็นร้อยละ 22.61[1]

จนถึงปลายเดือนตุลาคมปีนั้น ตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกงตกลงร้อยละ 45.5, ออสเตรเลียร้อยละ 41.8, สเปนร้อยละ 31, สหราชอาณาจักรร้อยละ 26.45, สหรัฐอเมริการ้อยละ 22.68 และแคนาดาร้อยละ 22.5 ตลาดหลักทรัพย์ของนิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ โดยลดลงถึงร้อยละ 60 นับจากสถิติสูงสุดในปีเดียวกัน และใช้เวลาอีกหลายปีในการฟื้นตัว[2] การลดลงในวันจันทร์ทมิฬนี้นับเป็นการลดลงมากที่สุดในวันเดียวเมื่อเทียบเป็นร้อยละของดาวโจนส์

หลังการลดลงของตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง 33 คนจากหลายประเทศ เดินทางมาพบปะกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน และร่วมกับทำนายว่า “ในอีกไม่กี่ปีถัดไปอาจเป็นครั้งที่ประสบปัญหามากที่สุดนับแต่คริสต์ทศวรรษ 1930”[3] อย่างไรก็ดี DJIA ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2530 โดยดัชนีเปิดในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2530 ที่ 1,897 จุด และเปิดในวันที่ 31 ธันวาคม ที่ 1,939 จุด DJIA ไม่แตะระดับปิดตัวในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ที่ 2,722 จุด กระทั่งอีกเกือบสองปีถัดมา

ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ วันจันทร์ทมิฬดังกล่าวยังเรียกว่าเป็น “วันอังคารทมิฬ” เนื่องจากความแตกต่างของเขตเวลา นอกจากนี้แล้ววันจันทร์ทมิฬ หมายถึงเหตุการณ์ วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ที่ตลาดหุ้นตกต่ำทั่วโลกหรือ the october 27 mini crash

ข้อมูลประกอบ: วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 

 

 

สรุป

– จากปี 1987 (2530) เราเจอกับ Black Monday ตลาดเริ่มต้นปีที่ 200 จุด วิ่งไปสุดที่ 450 จุด แล้วเจอ Black Monday กลับลงมาที่ 250 จุด ถือว่าเป็นปีที่ผันผวนแรงมากคือเกิน 100%

– ปี 1988 (2531) แน่นอนหลังจากตลาดตกแรงปีนี้ตลาดก็เริ่มฟื้นตัว ตลาดวิ่งจาก 250 ขึ้นไปปิดที่ 450 จุดปลายปี ถือว่าเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนที่งดงาม และเป็นจุดเริ่มต้นของ Asian Miracle กับฝันเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย

– ปี 1989 (2532) ธุรกิจ Real estate และ เงินทุนหลักทรัพย์เริ่มบูม ตลาดวิ่งจาก 450 จุด ไปปิดที่ 900 จุดปลายปี

– ปี 1990 (2533) ปีนี้เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียอิรักบุกคูเวต ตลาดเริ่มที่ 900 จุด วิ่งไป Peak ที่ 1150 จุด ก่อนที่จะตกลงมาที่ 550 ในปลายปี

 

ที่มา: http://monkeytrade.blogspot.com/

 

 

(24 ส.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากความหวั่นวิตกเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีนและเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 1,039.92 จุด หรือ 4.64% ปิดภาคเช้าที่ 21,369.70 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,546.74 จุด ลดลง 27.93 จุด, -1.77% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนดิ่งหนักถึง 8.5% ในช่วงการซื้อขายภาคเช้า

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนร่วงลง 8.4% แตะที่ 3,213.76 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน เมื่อเวลา 10.14 น.ตามเวลาท้องถิ่นในวันนี้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นของทางการจีนไม่สามารถฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สภาแห่งรัฐ หรือคณะรัฐมนตรีของจีน ได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติขั้นสุดท้ายว่าด้วยการลงทุนสำหรับกองทุนบำเหน็จบำนาญขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งจะเปิดทางให้กองทุนเข้าลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และกระจายการลงทุนอย่างหลากหลายมากขึ้น

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การออกแผนขั้นสุดท้ายนี้มีขึ้นภายหลังการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ โดยจะเปิดทางให้กองทุนบำเหน็จบำนาญลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นในประเทศ แต่จำกัดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% ของสินทรัพย์สุทธิรวม

ด้านดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าวันนี้ดิ่งลง เนื่องจากมาตรการต่างๆที่ทางรัฐบาลจีนได้นำมาใช้นั้น ไม่สามารถคลายความหวั่นวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ ทั้งนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าดิ่ง 8.45% แตะ 3,211.20 จุด

 

รายงานดัชนีหุ้นทั่วโลกจาก ASPEN ณ เวลา 13.03 น.(24 ส.ค.)

 

 

ภาพประกอบพาดหัวข่าว: theglobeandmail

Back to top button