ทานกระแสไม่ไหว

*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้เห็นข่าวร้ายหลากหลายเรื่องราวกระหน่ำตลาดหุ้นไทยแบบไม่ปรานี จนนักลงทุนสถาบันต้องตัดใจขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีลอยละล่องลงมาปิดที่ระดับ 1,272.34 จุด ลบไป 7.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.04 หมื่นล้านบาทแบบเหงา ๆ คือสถานการณ์ที่ลดทอนกำลังใจผู้เล่นไปมากโข จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดัชนีจะทรุดตัวลงไปหาแนวรับ 1,250 จุดพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้เห็นข่าวร้ายหลากหลายเรื่องราวกระหน่ำตลาดหุ้นไทยแบบไม่ปรานี จนนักลงทุนสถาบันต้องตัดใจขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีลอยะล่องลงมาปิดที่ระดับ 1,272.34 จุด ลบไป 7.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.04 หมื่นล้านบาทแบบเหงา ๆ คือสถานการณ์ที่ลดทอนกำลังใจผู้เล่นไปมากโข จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดัชนีจะทรุดตัวลงไปหาแนวรับ 1,250 จุดพะยะค่ะ

*เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย แถมยังมีเรื่องไวรัสมรณะมารบกวนจิตใจ “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงอาการของดัชนีช่วงนี้ไม่เฟรชจริง ๆ จึงต้องเล่นสั้นเพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกระลอก ผนวกกับกูรูในแวดวงตลาดหุ้นเริ่มถอดใจกับการเหวี่ยงตัวไปมาของหุ้นรายตัว เท่ากับเป็นการย้ำหัวหมุดว่า ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เกินสัปดาห์ เพราะตัวแปรต่าง ๆ ที่กระทบกับตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงทุกวันนะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นอย่างเต็มใจ เพราะเป็นเรื่องที่รับรู้กันมาระยะหนึ่ง แต่ไม่เคยคาดคิดว่า สถานการณ์จะมาเร็วกว่าที่กำหนดไว้มาก ! เดี๊ยนถึงรู้สึกเป็นห่วงเหตุการณ์ในภายภาคหน้าจะออกมาดีได้อย่างไร ? ในเมื่อเห็นทุกอย่างแบบตำตาว่า แทบไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ชุ่มฉ่ำหัวใจเลยพับผ่าซิ ! จึงไม่มีความจำเป็นต้องทนทู่ซี้ซื้อหุ้น หากคิดว่า ใจไม่แข็งพอ และไม่ไวพอนะคะ

*เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับหุ้นยางมะตอย TASCO เด๊ะ ๆ ทุกอย่าง โดยเฉพาะในมุมของเรื่องการหยุดซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลา จนส่งผลกระทบกับกำไร และราคาหุ้นของบริษัทมากถึง 50% “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะถ้ามีคนรู้คงไม่มีใครกล้าไล่ราคา เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นรูดติดฟลอร์อยู่ที่ระดับ 20.40 บาท ลบไป 3.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 135 ล้านบาทไงล่ะค่ะ

*ส่วนหุ้นแม่ TIPCO ก็ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ และกว่าจะฟื้นตัวอีกทีต้องรอถึงปีหน้า จึงกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้ทุกคนต้องทิ้งหุ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองขาดทุนหนัก วานนี้ถึงเห็นหุ้นรูดติดฟลอร์ที่ระดับ 6.20 บาท ลบไป 1.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาทเช่นกัน พร้อมกับอนุมานได้ทันทีว่า ออเดอร์ทิ้งที่ค้างอยู่เพียบ น่าจะทำให้แม่ลูกคู่นี้รูดติดฟลอร์อีกวันแน่ ๆ เจ้าค่ะ

*อีกรายที่ดูจะมีปัญหาไม่แพ้กัน “โมนิก้า” คงเบนเข็มไปที่หุ้นควายทอง CBG ถูกถล่มขายตั้งแต่เช้าจรดเย็นด้วยเรื่องไวรัสมรณะทำให้ยอดขายต่างประเทศลดฮวบ ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเม้าท์มากสุดเมื่อวานนี้ แต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่า มีแรงช้อนหุ้นเข้ามาเป็นระยะเหมือนกัน หุ้นเลยประคองตัวปิดที่ระดับ 110 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.41 พันล้านบาทได้อย่างน่าเสียวไส้..อิอิอิ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมาดูที่หุ้น PRM เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ออกมาเป็นระลอกในช่วงนี้ น่าจะมาจากเรื่องราวที่ทำให้คนถือหุ้นหนักใจสองสามประเด็น ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นที่ขึ้นมากเกิน ? และทิศทางธุรกิจเดินเรือจากนี้จะโตได้ไหม ? หรือแม้กระทั่งจะมีอะไรอกซิเดนต์เหมือนกับรายข้างต้นไหม ? (รับงานกลุ่ม ปตท. เยอะเกินไปไหม ?) ล้วนเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดคำถามตามมาอีกมาก เดี๊ยนถึงยอมรับการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 8.55 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 486 ล้านบาทนะจ๊ะ

*ในเมื่อสถานการณ์รอบด้านตกอยู่ในสภาพแทงกั๊ก “โมนิก้า” จึงขอหยิบยกอาการอ่อนตัวของหุ้น AMATA ขึ้นมาเม้าท์แตกเพื่อให้เห็นภาพไปพร้อมกัน หลังราคาหุ้นโค้งตัวลงจากระดับ 16 บาท ก่อนจะมายืนปิดที่ 12.20 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 123 ล้านบาท มันทำให้ภาพการย่ำฐานครั้งก่อนที่ 10 บาทแวบเข้ามาในหัวของอีฉันอีกครั้ง เลยอยากเล่าให้แฟนคลับฟังเจ้าค่ะ

*คล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้อง BAM ที่ถูกทิ้งขว้างแบบไม่สนใจ จนราคาหุ้นซึมลงต่อเนื่องทุกวัน ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 21.30 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 661 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องกองทุนเลิกเล่นชั่วคราว จึงทยอยขายหุ้นเพื่อโยกเงินไปเล่นตัวอื่น เลยทำให้เชื่อว่า ราคาหุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง เพราะสตอรี่เด็ด ๆ ถูกเล่นไปหมดแล้วนะซี

Back to top button