โชกเลือด!โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยมีอะไรน่าพิสมัยเหมือนก่อนหน้านี้ก็จริง แต่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักลงทุนมักนึกถึงเป็นประจำ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนที่ดูเลวร้ายเกินจะเยียวยาในยามนี้ เป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างไม่คิดชีวิต ส่งผลให้หุ้นบลูชิพรูดมหาราชอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายปีแบบนี้ แมงลือถึงเม้าท์กันให้แซ่ด..ดด “โกยเถอะโยม” ไงล่ะค่ะ


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยมีอะไรน่าพิสมัยเหมือนก่อนหน้านี้ก็จริง แต่ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกที่นักลงทุนมักนึกถึงเป็นประจำ ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนที่ดูเลวร้ายเกินจะเยียวยาในยามนี้ เป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันกระหน่ำเทขายหุ้นอย่างไม่คิดชีวิต ส่งผลให้หุ้นบลูชิพรูดมหาราชอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรอบหลายปีแบบนี้ แมงลือถึงเม้าท์กันให้แซ่ด..ดด “โกยเถอะโยม” ไงล่ะค่ะ

*สิ่งที่ต้องคิดกันต่อมาก็คือ กลุ่มผู้บริหารฝั่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ กับ ก.ล.ต. มีแผนงานในการสร้างความมั่นใจในการลงทุนอย่างไรบ้าง เพราะข่าวสารที่ “โมนิก้า” ได้รับจากปากของพรายกระซิบพูดไปในทำนองเดียวกันว่า “คลุมเครือ” เงื่อนไขที่ดีสุดสำหรับแมงเม่ายังไม่ถูกเปิดออกมา ส่วนฝ่ายหลังก็ยังอยู่ในกรอบของการทำงานแบบเดิมๆ แมงเม่าถึงประเมินสถานการณ์ไม่ได้ว่า ควรทำตัวอย่างไรเจ้าค่ะ

*เนื่องจากนักลงทุนยุคนี้สมัยนี้ต้องการทางเลือกมากกว่าทางตัน เหตุผลบางอย่างเป็นที่รู้กันว่า บางเรื่องหน่วยงานของทางการก็ไม่กล้าแตะ จึงประวิงเวลาให้เรื่องราวต่างๆ ถูกลืมเลือนไปเองตามธรรมชาติ น่าเสียดายที่คนอย่าง “โมนิก้า” ชอบเก็บรายละเอียดของเรื่องบางเรื่องไว้เป็นอุทาหรณ์ จึงเข้าใจสัจธรรมในโลกของการลงทุนเป็นอย่างดีว่า “มันนี่เกม” มันหมายถึงอะไรเจ้าค่ะ

*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังคงยึดถือแนวทางการลงทุนทางด้าน “พื้นฐาน” กับ “เทคนิค” เป็นสรณะ จึงไม่ต้องกังวลใจว่า เดี๊ยนไม่มีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้พูดออกไปนั้น มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดหุ้นในช่วงนั้นมีประเด็นร้อนให้น่าติดตามเยอะขนาดไหน? ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนี้ ไม่มีหุ้นตัวไหนที่ทำให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกอุ่นใจสักรายเลยนะคะ

*บวกกับสิ่งที่พรายกระซิบแอบไปได้ยินมา มีการเม้าท์ถึงบรรดาเสี่ยๆ ต่างโดนผลกระทบจากหุ้นตกกราวรูดกันถ้วนหน้า จึงยอมตัดขายหุ้นที่ถือไว้อย่างอุตลุด (ขาดทุนกำไร) “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ทำให้รู้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจมีอิทธิพลมากกว่าขั้วการเมือง วันนี้ถึงต้องย้ำกันอีกทีว่า คนที่ซื้อหุ้นเที่ยวนี้เป็นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก อีกทั้งเสี่ยซุ้มต่างๆ กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาจวนจะขาดใจว่า ขอเจ็บแค่นี้ค่ะ

*เนื่องจากดัชนีรูดลงมาปิดจุดต่ำสุดของวันที่ 1,301.06 จุด ลบไป 64.55 จุด หรือลงไป 4.73% ด้วยมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดเดิมว่า ฝรั่งไม่เอาตลาดหุ้นไทยจริงๆ ซึ่งเห็นได้จากยอดเทขายที่ถล่มออกมา 4.70 พันล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จเฉพาะเดือนนี้ขายไปทั้งสิ้น 3.40 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าคิดตั้งแต่ต้นปี 58 ทิ้งไปทั้งสิ้น 7.60 หมื่นล้านบาท  “โมนิก้า” ถือเป็นสถานการณ์ที่หลายคนทำใจมาตั้งนานแล้วนะคะ

*ส่วนกองทุนเจ้าเล่ห์ก็ฉวยโอกาสสาดหุ้นออกมา 2.50 พันล้านบาท และเฉพาะเดือนนี้ขายไปทั้งสิ้น 5.80 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมทุบหุ้นเพื่อเอาของถูกในช่วงปลายปี และขอย้ำอีกครั้งว่า “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” เพราะตัวเร้าที่ทำให้กองทุนต้องปล่อยของออกมาก่อนนั้น มันโผล่ขึ้นมาให้เห็นทุกวี่ทุกวัน จึงไม่ควรคาดหวังว่าดัชนีจะหยุดลงในเร็วๆ นะตัวเอง

*ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ ในยามที่ฝรั่งกับกองทุนไม่เอาก็คือ หุ้นบลูชิพหมดสภาพ! ราคาที่เห็นว่าถูกสุดแสนจะถูกเมื่อวันก่อน วันนี้กลับกลายเป็นราคาที่ถูกกว่าอีกหลายช่วงตัว “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ PTT AOT KBANK SCC TRUE มีระดับราคาที่ต่ำเกินกว่าในรอบ 1 ปี เพราะมองในมุมของการปรับลดพอร์ตอย่างไม่มีกำหนด มันทำให้เชื่อว่า ราคาหุ้นน่าจะอ่อนตัวลงไปอีกนะซี

*ตรงกันข้ามกับในรายของ JAS  โดนถล่มลงมาอย่างหนักหน่วงก่อนใครเพื่อน บวกกับกองทุนเกทับบลั๊ฟฟ์แหลกมาพักใหญ่ๆ แต่พอถึงช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานกลับยืนต้านแรงเทขายอย่างแข็งแกร่ง และทำให้ฐานแนวรับ 5 บาทมั่นคงอย่าบอกใครเชียว แบบนี้ มันเป็นจังหวะที่ต้องทยอยเก็บเข้าพอร์ตอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังหุ้นปิดที่ 5.10 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่า 2.10 พันล้านบาท  มันเหมือนมีคนทยอยเก็บของเข้าพอร์ตนะเนี่ย

*เรื่องนี้เหมือนกับกรณีของ EA ไม่มีผิดเพี้ยน “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ แถมรายนี้มีอะไรที่เปิดเผยเยอะแยะไปหมด เดี๊ยนถึงไม่ค่อยกังวลใจสักเท่าไหร่ ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 19.50 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่า 106 ล้านบาท  เดี๊ยนถือเป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของตลาด mai ที่เหมาะต่อการเข้าเก็บเสียจริงๆเพราะราคาถูกแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ไม่เชื่อลองถาม “น้องอมร” ดูก็ได้เจ้าค่ะ

 *ป.ล.อาการที่ดัชนีดิ่งลงในครั้งนี้มันเป็นผลมาจากตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุน ดัชนีถึงไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย ซึ่งเป็นผลกระทบระยะสั้นๆ ที่เวียนมาบรรจบอีกครั้ง ส่วนรอบนี้จะกินเวลากี่เดือน..ต้องดูกันไปเรื่อยๆ นะตัวเอง

Back to top button