“เพื่อไทย” โต้ปรับโครงสร้างพรรค-เปลี่ยนโลโก้ หวังล้างไพ่ สลับขั้วตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”
"เพื่อไทย" โต้ปรับโครงสร้างพรรค-เปลี่ยนโลโก้ หวังล้างไพ่ สลับขั้วตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ"
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนหัวหน้าพรรค ตอบคำถามที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของพรรคเพื่อไทยอาจจะเป็นการส่งสัญญาณในการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองหรือไม่ ว่าไม่น่าไปถึงขนาดนั้น เช่นเดียวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่ก็ไม่น่าจะไปไกลถึงขนาดนั้น
“คงเป็นการวิเคราะห์คาดเดาไปต่างๆ นานาว่าจะไปร่วมกับพรรคนั้นพรรคนี้ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่ไปถึงขนาดนั้น และระยะหลังเราฮิตคำว่า DNA ก็ต้องดู DNA ด้วยพอสมควรในเรื่องนี้”
ส่วนการที่มีกระแสข่าวดังกล่าวมาในช่วงเปลี่ยนตัวแกนนำและมีการปล่อยข่าวเดินสายเจรจานั้น นายชูศักดิ์ ระบุว่า ความพยายามในการปรับโครงสร้างมีมานานแล้วเพื่อให้ดูดีขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งลงตัวช่วงปิดสมัยประชุมพอดี ก็อาศัยจังหวะตรงนี้ปรับเปลี่ยน คงไม่เกี่ยวกับรัฐบาลแห่งชาติใดๆ ขอยืนยันว่าที่ได้ฟังมายังไม่มี และไม่ถึงขนาดจะปรับเปลี่ยนไปจับมือจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่เป็นข่าว
สำหรับการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในวันนี้จะพิจารณาวาระสำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์ของพรรค และการเตรียมจัดประชุมใหญ่วิสามัญ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารภายในพรรค
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การเปลี่ยนโลโก้พรรคต้องขอความเห็นชอบต่อที่ประชุม ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรนั้นจะเปิดเผยภายหลัง ซึ่งเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์พรรคเพื่อให้ดูดีขึ้นและสื่อความหมายได้ดีขึ้น หากดูโลโก้ ท.ทหาร จะเห็นเป็นหัวแหลมๆ เราก็ทำให้กลมเป็น ท.ทหารแบบไทยๆ เป็นต้น เพราะไหนๆ จะประชุมใหญ่ก็ถือโอกาสเปลี่ยนแปลง
ส่วนการเตรียมจัดประชุมใหญ่วิสามัญตามข้อบังคับรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้กำหนด วัน เวลา สถานที่ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 1 ต.ค.63 โดยองค์ประชุมต้องมีไม่ต่ำกว่า 250 คน ประกอบด้วย กรรมการบริหาร, ส.ส., ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด, หัวหน้าสาขา และสมาชิกพรรค เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าหน้าพรรคคนใหม่หลังจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยื่นใบลาออกเพื่อเปิดทางให้ปรับโครงสร้างการบริหารพรรคนั้น นายชูศักดิ์ ยอมรับว่า การหาตัวหัวหน้าพรรคมีข้อจำกัดอยู่พอสมควร เพราะจะต้องมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องเป็น ส.ส.และมีความอาวุโส ซึ่งเป็นไปได้ที่จะเลือกหัวหน้าพรรคคนเดิมกลับมาทำหน้าที่ แต่ก็ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารที่จะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่พิจารณา
“สิ่งที่ดำเนินการเพื่อให้องคาพยพเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย เข้าใจว่าน่าจะมีการผนึกกำลังบุคลากรของพรรคทุกภาคส่วนและมีคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยงานพรรคมากพอสมควร” นายชูศักดิ์ กล่าว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนเป็นการล้างบางทุกอย่างภายในพรรคให้กับคนใหม่ที่เข้ามาดูแลบริหารพรรค นายชูศักดิ์ ระบุว่า อย่าใช้คำว่าล้างบาง แต่เป็นเรื่องการผนึกกำลังทุกภาคส่วนเข้ามาเพื่อให้ทันเหตุการณ์ และทุกคนก็ร่วมมือพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้พรรคดีขึ้น อย่าไปคิดว่าล้างใคร ล้างไพ่ คิดว่าไม่ใช่