โบรกฯ แนะ “ซื้อ” JWD เคาะเป้า 11.40 บ. ลุ้นครึ่งหลังปี 63 สดใส รับธุรกิจห้องเย็นโต
โบรกฯ แนะ “ซื้อ” JWD เคาะเป้า 11.40 บ. ลุ้นครึ่งหลังปี 63 สดใส รับธุรกิจห้องเย็นโต
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD โดยนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD มองว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะเติบโตอย่างโดดเด่นในช่วงปี 2564
โดยนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ราคาเป้าหมาย 11.40 บาท/หุ้น โดยบริษัทคาดรายได้จะค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบจากปีก่อนในปีนี้ ขณะที่บล.ทิสโก้ คาดโตประมาณ 6% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ทั้งนี้ JWD ได้ประโยชน์จากการที่มีธุรกิจ diversify รวมถึงการลงทุนกับหุ้นส่วนในธุรกิจที่เหมือนกันหรือมีความคล้ายคลึงกัน ธุรกิจต่อเนื่องกับ JWD ในต่างประเทศ ในไตรมาส 2/63 มีแค่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวม โดยหลังจากช่วงคลาย lockdown และโรงงานผลิตรถยนต์มีการผลิตกลับมาเกือบถึงระดับปกติแล้ว ทำให้ธุรกิจกลับมามีกำไรแล้ว
ขณะเดียวกันธุรกิจหลักอื่นๆ ก็มีผลการดำเนินงานที่เติบโตสูงต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จาก Covid-19 และ New Normal คือ ธุรกิจห้องเย็น ธุรกิจคลังทั่วไป ธุรกิจอาหารที่ไต้หวัน ธุรกิจขนส่งทั่วประเทศ ข้ามเขตแดน CLMV และการขนส่งทางราง และทางแม่น้ำ รวมถึงธุรกิจที่เข้าไปร่วมลงทุนในเวียดนาม Transimex กัมพูชา นิคมอุตสาหกรรม PPSP ซึ่งได้ประโยชน์จากการจัดการ supply chain management และเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ logistics และ e-commerce
นอกจากนี้ JWD มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอาหารและผลิตภัณฑ์ยา เนื่องจากเล็งเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการร่วมกับ CJ Logistics ซึ่งเป็น partner ของบริษัทในการใช้ infrastructure ที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศไทยให้เป็นประโยชน์
ส่วน นักวิเคราะห์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเป้าหมายเป็น 10 บาท จากเดิม 8.40 บาท จากมุมมองที่ดีขึ้นของทุกธุรกิจ ที่จะทำให้กำไรกลับมาเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะกำไรปี 2564 ที่จะกลับไปใกล้เคียงกับปี 2562 ซึ่งราคาหุ้นเคยเทรดที่ระดับ PER ที่ 30 เท่า
โดยยังคงมุมมองเป็นบวกต่อ outlook บริษัทจาก 1) กำไรไตรมาส 3/63 จะกลับมาฟื้นตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ตามคาดและจะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 จากธุรกิจคลังห้องเย็นที่ occupancy rate จะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 80% (จาก 1H20 ที่ 78%) เนื่องจากเป็นช่วง high season ของการจัดเก็บปลาทูน่า และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์จะปรับตัวดีขึ้น ตามยอดผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว
รวมทั้ง 2) กำไรปี 2564 จะเติบโตโดดเด่นที่ 20% จากการฟื้นตัวของทุกธุรกิจและรายได้เพิ่มจากธุรกิจใหม่ โดยยังประเมินกำไรสุทธิปี 2563 ที่ 297 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยกำไรไตรมาส 3/63 จะกลับมาเติบโตเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เป็น 60-70 ล้านบาท (จากไตรมาส 2/63 ที่ 48 ล้านบาท) และจะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4/63 ที่เป็นช่วง High Season
สำหรับปี 2564 คาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตโดดเด่น 20% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากการรับรู้รายได้เต็มปีจากคลังห้องเย็นอาคาร 9 ขณะที่ธุรกิจรับฝากและบริหารรถยนต์ และธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย ที่จะปรับตัวดีขึ้นจากฐานต่ำ รวมถึงการรับรู้รายได้จากงานใหม่เต็มปี
ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +24% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63
ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น JWD ราคาเป้าหมาย 8 บาท โดยราคาหุ้นปรับฐานลงหาแนวรับสำคัญบริเวณ 7 บาททำให้ Upside เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง ส่วนแนวโน้มกำไรช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 คาดฟื้นตัวอย่างมีนัยยะหนุนโดยธุรกิจ Barge Terminal และธุรกิจอาหารในไต้หวัน ส่วนห้องเย็นและคลังยังมี Demand แข็งแกร่ง
ขณะที่คาดกำไรปี 2563 ลดลง 19% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ในปี 2564 คาดจะฟื้นตัวราว 22% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเห็น Upside ของประมาณการอีกเล็กน้อย ราคาหุ้นซื้อขายที่ EV/EBITDA ราว 11.6 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 20 เท่า