EP ขาย 3 “โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น” รับเงิน 5 พันลบ. เดินหน้าลุย “วินด์ฟาร์ม” เวียดนาม
EP ขาย 3 “โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น” รับเงิน 5 พันลบ. เดินหน้าลุย “วินด์ฟาร์ม” เวียดนาม
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 มีมติให้บริษัท EP Group (HK) Company Limited (EP Group) และบริษัท เอ็ปโก้ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (EPCOE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ที่ถือหุ้นโดย บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ETP) บริษัทย่อยของ EP ในสัดส่วนร้อยละ 100.00 และ 99.99 ของหุ้นทั้งหมด ตามลำดับ (โดย EP ถือหุ้นใน ETP ในสัดส่วนร้อยละ 75 ของหุ้นทั้งหมด)
ทั้งนี้ EP Group จะดำเนินการขายโครงการโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น 2 โครงการ และ EPCOE จะดำเนินการขายโครงการโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่นอีก 1 โครงการ รวมเป็นเงินประมาณ 16,000 ล้านเยน รวมขนาดติดตั้ง 40.49 เมกะวัตต์
ประธานกรรมการ EP กล่าวว่า บริษัทขายโครงการทั้ง 3 โครงการนี้ จะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าการถือไว้จนครบใบอนุญาตกว่าเท่าตัว โดย EP จะมีเงินสดคงเหลือภายหลังจากการจ่ายคืนหนี้สินเป็นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินสดดังกล่าวไปเป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังลมในประเทศเวียดนาม นอกจากนี้ EP ยังสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือเพียง 1.5 เท่า จากเดิมที่สูงกว่า 3 เท่า อีกด้วย
“โครงการไฟฟ้าพลังลมในประเทศเวียดนาม ที่ EP กำลังพัฒนาโครงการอยู่นั้น จะให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (Equity IRR) ประมาณ 20% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่บริษัทฯตั้งไว้ค่อนข้างมาก ดังนั้นการขายโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 3 โครงการ จะทำให้บริษัทฯมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะลงทุนในโครงการดังกล่าวได้ และเมื่อการลงทุนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ EP จะเป็นบริษัทจากประเทศไทย ที่ลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม” นายยุทธ กล่าว