กองทุนตัวแสบ!โมนิก้าและทีมงาน

*มีหลายคนถามความคิดเห็นของ “โมนิก้า” ที่มีต่อกองทุนในประเทศว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน? เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่า มีแนวความคิดที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่! เพราะมีข้อมูลยืนยันว่า กองทุนเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้หุ้นร่วงลงหนักในช่วงที่มา บวกกับคำพูดที่มักได้ยินเป็นประจำจากปากผู้จัดการกองทุนก็คือ หุ้นไทยราคาถูกมากๆ เหมาะต่อการเข้าลงทุนจริงๆ แต่พอเผลอปุ๊บ กองทุนสาดหุ้นออกมาปั๊บ..มันไม่แฟร์นะคะ


*มีหลายคนถามความคิดเห็นของ “โมนิก้า” ที่มีต่อกองทุนในประเทศว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน? เดี๊ยนขอเรียนตามตรงว่า มีแนวความคิดที่ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่! เพราะมีข้อมูลยืนยันว่า กองทุนเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้หุ้นร่วงลงหนักในช่วงที่มา บวกกับคำพูดที่มักได้ยินเป็นประจำจากปากผู้จัดการกองทุนก็คือ หุ้นไทยราคาถูกมากๆ  เหมาะต่อการเข้าลงทุนจริงๆ แต่พอเผลอปุ๊บ กองทุนสาดหุ้นออกมาปั๊บ..มันไม่แฟร์นะคะ

*ที่สำคัญคือ กองทุนเล่นบทสองหน้ามาเป็นเวลานานพอสมควร จนไม่รู้ว่า ครั้งไหนพูดจริง หรือครั้งไหนพูดหลอก แต่ที่สัมผัสได้หลายครั้งคงหนีไม่พ้นเรื่องออกทาร์เก็ตฟันด์ ในช่วงที่หุ้นตกแรงเป็นประจำ และหลังจากนั้นก็ปิดกองได้ตามระเวลา 5-8 เดือน “โมนิก้า” ถือเป็นความสามารถในการทำกำไรในช่วงตลาดหุ้นผันผวนที่ยอดเยี่ยมซึ่งแมงเม่ายากจะลอกเลียนแบบเจ้าค่ะ

*คิดดูง่ายๆ ก็คือ ดัชนีเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,323.88 จุด บวกไป 22.82 จุด ทั้งที่ในระหว่างวันรูดลงไปกองจุดต่ำสุดที่ 1,292.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 6 หมื่นล้านบาท โดยฝรั่งตาน้ำข้าวยังสาดหุ้นออกมาอีก 3.30 พันล้านบาท แมงเม่าขายหุ้นทิ้งแค่ 900 ล้านบาท ขณะที่กองทุนเก็บหุ้นใส่พอร์ต 3.10 พันล้านบาท และปอบผีฟ้าเข้ามาเก็บ 1 พันล้านบาท คิดว่าใครเป็นคนดันดัชนี?

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่ค่อยชอบท่าทีของกองทุนสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สิทธิ์ไปห้ามปรามในการกระทำดังกล่าว และทำได้แค่ให้ความรู้กับแฟนคลับเพื่อจะได้รู้เท่าทันมุกดังกล่าว พร้อมกันนั้นก็ขอยืนยันเป้าในการทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่เที่ยวนี้ยังอยู่แค่ระดับ 5-7% หลังข้อมูลสถิติยืนยันว่า วงรอบของการรีบาวด์ทำได้แค่นี้จริงๆ ไม่มีความจำเป็นต้องทนฝืนถือหุ้นต่อไปนะจะบอกให้

*เนื่องจากเคล็ดลับในการลงทุนเที่ยวนี้ว่ากันด้วยเรื่อง “ขายหมูไปเรื่อยๆ ดีกว่าขายขาดทุนไปเรื่อยๆ” ซึ่งเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การเอาตัวรอดในภาวะผันผวนได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาถึงเหตุผลในการเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ มันคุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะได้รับขนาดไหน? เพราะหากเชื่อว่า นี่คือโอกาสทองในการโหนกระแสทำกำไรสั้นๆ ต้องเล่นหนักๆ ก่อนกองทุนจะไหวตัวนะนายจ๋า!

*เหมือนกับในรายของ PTT และ KTB เด้งขึ้นมาปิดที่ 252 บาท บวกไป 12 บาท หรือขึ้นไป 5% และรายหลังเด้งขึ้นมาปิดที่ 17.90 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 5.30%  “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะ! หากกองทุนตัวแสบไม่เข้ามาเก็บหุ้น พ่อพระเอกสองตัวนี้จะมีโอกาสผงกหัวขึ้นได้เหรอ? วันนี้ถึงต้องมานั่งถามถึงจุดยืนของผู้เล่นที่กระโจนเข้ามาใหม่ว่า ไวพอที่จะทำกำไรไหม?..อิอิอิ

*งานนี้ไม่ต้องการชักใบให้เรือเสีย แต่อยากบอกเล่าถึงประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ IFEC ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่า ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แต่หุ้นกลับโดนสาดเหมือนกับคนที่ไม่เคยมีเยื่อใยให้แก่กัน แต่ล่าสุดหุ้นก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 10.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 2.50 พันล้านบาท มันสามารถมองถึงเป้าเบื้องต้น 12 บาทได้เหมือนเดิม แต่จะไปถึงหรือเปล่า? มันเป็นเรื่องที่ต้องคิด เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทำให้รู้ว่า มีคนตัดขายหุ้นออกมาเยอะมากนะจะบอกให้

*อีกหนึ่งเครื่องเตือนใจก็คือ GL ยังคงถูกกระหน่ำเทขายหุ้นต่อไปอย่างไม่ลดละ ทั้งที่สถานการณ์หลายอย่างดีขึ้นอย่างช้าๆ “โมนิก้า” ถึงค่อนข้างงุนงงว่า ทำไมหุ้นตัวนี้โดนจัดหนักเหลือเกิน จากหุ้นที่เคยยืดหยัดที่ 16 บาท วานนี้กลับโดนกดลงมาอยู่ที่ 12.50 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 8% มันกลายเป็นปัญหาที่แมงเม่าต้องไปขบคิดกันเอาเองว่า จุดเด้งกลับตรง 12 บาทเอาอยู่ไหม? หากเอาไม่อยู่จริงๆ จุดเด้งกลับที่ 2 ตรงบริเวณ 10 บาทน่าสนหรือเปล่า? มันเป็นเกมที่ต้องคิดทั้งสิ้นเจ้าคะ

*ถ้าตัวอย่างดังกล่าวยังไม่ชัดเจน “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับย้อนกลับไปมอง PK เพื่อทำให้ทุกคนหลุดจากภวังค์เสียที เพราะของมันเห็นกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า นี่คือเกมหุ้น! ปัจจัยพื้นฐานถูกตั้งอยู่บนความคาดหวัง และยังมีคนคอยเติมหัวเชื้อให้ดูน่าเชื่อถือเป็นระยะ วานนี้ถึงเห็นหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 5.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 370 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้หุ้นอยู่ที่ 8 บาท บวกกับไซเคิลเป็นลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษนะจ๊ะ

*อ้อ..เกือบลืมเม้าท์ถึงคู่หูต่างวัยอย่าง PTTGC กับ IRPC เพราะทั้ง 2 ตัวเกาะกระแสรีบาวด์ได้อย่างเด็ดสะระตี่ รายแรกวิ่งขึ้นมาปิดที่ 54 บาท บวกไป 4.75 บาท หรือขึ้นไป 9.60% ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.52 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 9.30% “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่กองทุนพยายามปลุกปั้นขึ้นมาเล่นใหม่อีกรอบ ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับแรงซื้อของบรรดากองทุนเป็นหลัก และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแสดงอาการตื่นเต้น เพราะของมันเห็นกันจนชินตาแล้วล่ะค่ะ

*ป.ล.วันนี้เดี๊ยนไม่ได้มีหน้าที่ห้ามปรามการเข้าซื้อหุ้น แต่ที่ต้องย้ำกันแรงๆ เป็นพิเศษ เพื่อเตือนสติให้รู้ว่า นี่คือ “มันนี่เกม” จึงต้องเผื่อทางหนีทีไล่ให้กับตัวเอง พร้อมกับขอวิงวอนให้เลิกโลกสวยเสียที เพราะสิ่งที่เห็นเวลานี้ ล้วนเป็นเกมโหดที่ทุบกันเกือบตายนะตัวเอง

Back to top button