รัฐที่กำลังพัง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ว่าน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ แต่เพียงชั่วคราว มีผลต่อการจ้างงานจำกัด ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ส่วน SME อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใดนัก
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ว่าน่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ แต่เพียงชั่วคราว มีผลต่อการจ้างงานจำกัด ผู้ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ น่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ส่วน SME อาจไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงเท่าใดนัก
เศรษฐา ทวีสิน จัดหนักกว่านั้น เปรียบเหมือนเอายาแก้หวัดมาฉีดคนป่วยมะเร็ง คนส่วนใหญ่จะมีความสามารถใช้จ่ายแค่ไหนกัน ประโยชน์จะตกกับคนมีรายได้สูง ยิ่งซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำ
ก็เหมือนมาตรการเที่ยวด้วยกัน ประชาชนมีเงินเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ไม่มีปัญญาคิดวิธีอื่นก็ต้องทำ ต้องส่งเสริมข้าราชการหลังยาวให้หยุดยาว กระทั่ง กกต.ก็ส่งเสริมให้เที่ยวก่อน แล้วค่อยไปเลือก อบจ. แทนที่จะให้เลือกตั้งช่วงหยุดยาว 13 ธ.ค. กลับไปเลือก 20 ธ.ค. เอาหัวแม่ตีนคิดก็รู้ว่าจะมีคนกลับบ้านไปเลือกตั้งซักเท่าไหร่
พวก อบจ.ที่ใช้คะแนนจัดตั้งก็สบายใจ ยิ่งคนไปน้อยยิ่งคุมเสียงง่าย เว้นแต่ไปบ้าจี้ตาม ส.ว. ให้ลงประชามติรัฐธรรมนูญด้วย คนจะแห่ไปเยอะเลย
เป็นความดันทุรังที่สุดทุเรศ การแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง สสร.ยกร่างใหม่ทั้งฉบับต้องผ่านประชามติอยู่แล้ว ก็ยังลากยื้อให้ทำประชามติก่อน
เอางี้ไหม ถ้าทำประชามติก็ตั้งคำถามพ่วง ประชาชนอยากให้ 250 ส.ว.อยู่ต่อไป หรือไล่ออกเรียกเงินเดือนคืน
นี่คือท้าทายม็อบ ท้าทายประชาชน ม็อบเรียกร้องให้ประยุทธ์ลาออก แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปสถาบัน ฝ่ายอนุรักษนิยมก็โหมกระหน่ำ โจมตีม็อบก้าวล่วง แทนที่จะลดกระแสโดยรีบแก้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนผู้นำ
บางคนก็บอกว่าม็อบไม่ควรเรียกร้องข้อ 3 เอาแค่ไล่ประยุทธ์ แก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนจะเห็นด้วยกว้างขวาง อ้าว งั้นก็น่าจะไปตั้งอีกม็อบ เผื่อจะมีคนเป็นล้าน ไม่ใช่ปล่อยให้ประยุทธ์และ 250 ส.ว.ลากถูดันทุรังอยู่อย่างนี้
พลังคนรุ่นใหม่คือความพยายามเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ เปลี่ยนประเทศที่อยู่ในหม้อต้ม องคาพยพทุกอย่างค่อย ๆ พัง แต่ยังพยายามลากถูกันไปอย่างนี้ เศรษฐกิจก็แก้แบบปะทะปะทัง การเมืองก็ตีบตัน อำนาจต่าง ๆ ก็เสื่อมลง แต่ไม่ยอมเสียอำนาจ รัฐราชการใหญ่โตเทอะทะ แต่ไร้ประสิทธิภาพ ในช่วงที่ประเทศกำลังวิกฤติ
ขนาดกองทัพใช้ IO ยังไร้ผล ถูกจับได้ อายเปล่า เปลืองงบประมาณ
ไม่กี่วันก่อน TDRI จัดเสวนา “แฮกระบบราชการ เปลี่ยนระบบปฏิบัติการประเทศ” เสียดายว่าการเมืองร้อน ไม่เป็นที่สนใจ ทั้งที่น่าสนใจ เพราะ TDRI ซึ่งถูกมองเป็นเทคโนแครตอนุรักษ์นิยม วิพากษ์ระบบราชการอย่างหนักหน่วง เรียกร้องให้ปฏิรูปด่วน ทั้งด้านตอบสนองความต้องการประชาชน ระบบกฎหมาย ระบบข้อมูล และการเชื่อมต่อกับประชาชน
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ชี้ว่าต้องเริ่มจากสร้างกติกาการเมืองคือรัฐธรรมนูญ ให้เกิดรัฐบาลประชาธิปไตยที่ตอบสนองต่อประชาชนและมีขีดความสามารถสูง โดยยึดต้นแบบ 2540 ทำให้เกิดรัฐบาลเข้มแข็ง ควบคู่ไปกับเพิ่มอำนาจรัฐสภาและประชาชน ลดบทบาทองค์กรอิสระและตุลาการ
ใครก็รู้ว่ารัฐไทยกำลังพัง วิกฤติเศรษฐกิจทำให้ภาคเอกชนขับเคลื่อนไม่ได้ต้องอาศัยภาครัฐ ซึ่งประสิทธิภาพต่ำ 6 ปี คสช.มุ่งรวบอำนาจสู่ศูนย์กลาง สร้างรัฐราชการเป็นใหญ่ โดยเน้นความมั่นคง เน้นรักษาอำนาจ แต่มาถึงตอนนี้รัฐราชการกลายเป็นตัวถ่วงประเทศ
พลังคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเพราะมองไม่เห็นอนาคต ภายใต้รัฐอย่างนี้ รัฐที่คนรุ่นใหม่ต้องการคือรัฐบริการ รัฐอำนวยความสะดวก กะทัดรัดไม่สิ้นเปลือง ไม่ใช่รัฐเจ้านาย ใหญ่โต ใช้อำนาจบังคับ ตั้งแต่ระบบการศึกษาไปถึงการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
รัฐธรรมนูญ 2560 เจตนาสร้างระบบรัฐมาอย่างนี้เพื่อควบคุมประชาชน ตั้งแต่การกำหนดรัฐบาล การวางโครงสร้างอำนาจ ซึ่งเปลี่ยนได้ยาก แต่ถ้าไม่เปลี่ยน ก็เป็นอุปสรรคทุกด้านทั้งการเมืองเศรษฐกิจ วิถีชีวิตประชาชน
ไม่เปลี่ยนเลย ประเทศก็อยู่ในหม้อต้มจนเดือดเอง