SO ฤกษ์ดีเทรด SET วันนี้ ลุ้นราคาเหนือจอง 6.50 บาท การันตีธุรกิจ 40 ปีไม่เคยขาดทุน!
SO ฤกษ์ดีเทรด SET วันนี้ ลุ้นราคาเหนือจอง 6.50 บาท การันตีธุรกิจ 40 ปีไม่เคยขาดทุน!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้หุ้นบริษัท สยามราชธานี จำกัด มหาชน หรือ SO จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET ) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ ด้วยราคาไอพีโอที่ 6.50 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี ประเทศไทย จำกัด มหาชน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายจิรณุ กุลชนะรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SO เปิดเผยว่า ราคา IPO เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืนตามทิศทางของธุรกิจ Outsource ที่ถือเป็นทางเลือกการบริหารจัดการลดต้นทุน ลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ SO ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน
ขณะที่บรรยากาศการโรดโชว์ในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสถาบันค่อนข้างดี โดยราคา IPO ก็มาจากการสำรวจความต้องการของผู้ลงทุนสถาบัน และก็ได้รับการตอบรับว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล โดยส่วนตัวก็มองว่าเป็นราคา IPO ที่มีความยุติธรรมกับผู้ถือหุ้นด้วย
“หุ้นที่ทางกลุ่มผู้บริหารถือครองก็เข้าเกณฑ์ Silent period มากกว่าเกณฑ์ปกติ แม้ว่าหลายคนจะกังวลว่าภาวะตลาดผันผวน แต่ถ้าในความเห็นส่วนตัวมองว่าการมีบริษัทพื้นฐานดี ไม่เคยขาดทุนจากประสบกาณณ์ทำงานมากว่า 40 ปี มีความโดดเด่นเรื่องระบบทำงานที่ดี หากนักลงทุนที่คิดจะลงทุนลองตัดสินใจว่าหุ้นของบริษัทมีความน่าสนใจแค่ไหน”นายจิรณุ กล่าว
นายจิรณุ กล่าวอีกว่า ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท คือ การมีประสบการณ์บริหารและจัดการงาน Outsource มากว่า 40 ปี ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์คุณภาพและบริการหลากหลายครอบคลุม 2 กลุ่มธุรกิจได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร 2.ธุรกิจให้เช่าและบริการ และได้สร้างการรับรู้ในแบรนด์ให้เป็นที่จดจำผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจคือ 1.SO People สำหรับการบริหารจัดการพนักงานขับรถยนต์ พนักงานสำนักงานและพนักงานช่างเทคนิค 2.SO Green สำหรับบริการดูแลภูมิทัศน์ 3.SO Wheel สำหรับบริการรถยนต์ให้เช่า และ 4.SO Next สำหรับการบริหารจัดการงานบันทึกข้อมูล
“ธุรกิจ Outsource มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก เราสังเกตุได้จากตลาด Outsource ในต่างประเทศได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและมีมูลค่ามหาศาล แต่ตลาด Outsource ในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตตามตลาดต่างประเทศ เพราะมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดพัฒนาเข้ากับระบบบริหารจัดการองค์กรของประเทศไทย อีกหนึ่งความโดดเด่นของธุรกิจ Outsource ของเราคือการบริหารจัดการพนักงานขับรถยนต์ที่เป็นประเภทรถดัดแปลงที่ต้องใช้บุคลากรที่มีทักษะ โดยปัจจุบันบริษัทมีบุคลากรขับรถยนต์มากกว่า 4,000 คนเป็นมาร์เก็ตแชร์สูงสุดในอุตสาหกรรมนี้ในเมืองไทย”นายจิรณุ กล่าว
ระดมทุน SET ขอยืนหนึ่ง “Outsource” เมืองไทย
นายจิรณุ กล่าวว่า บริษัทวางแผนระยะ 3-5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจ Outsource บุคลากรขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนั้น มีแผนขยายงาน Outsource ด้านบุคลากรที่มีความสามารถด้านไอทีครบวงจร
ทั้งนี้ เป้าหมายการระดมทุนด้วยการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งนี้ เพราะให้ความสำคัญการสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้าง เนื่องจากลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้น การเป็นบริษัทจดทะเบียนเป็นช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทที่มีข้อปฎิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
นอกจากนั้น ยังได้รับเงินระดมทุนมาต่อยอดหลายมิติ ประกอบด้วย ธุรกิจบริการจัดหาบุคลากรและธุรกิจให้เช่าและบริการ เช่น แผนเพิ่มจำนวนพนักงานที่ส่งไปปฏิบัติงานกับลูกค้าในธุรกิจจัดหาบุคลากร แผนขยายการลงทุนในธุรกิจบริการรถยนต์ให้เช่า รวมถึงบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการพัฒนาด้านเทคโนโลยี (ระบบ Automation) เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและความง่ายในการให้บริการลูกค้า และโครงการ HRM Solutions เพื่อให้บริการกับลูกค้าในส่วนงานทรัพยากรบุคคล เป็นต้น คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2564-2566
“ปัจจุบันบริษัทมีบุคลากรที่เป็นพนักงานกว่า 10,000 คน ซึ่งโครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นระบบ Automation คือช่วยให้บริษัทสามารถขยายบุคลากรภายใต้บริหารได้เป็นเท่าๆ ตัว โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เข้ามาบริหารจัดการ และการพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ เช่น การบริการ Outsource ในส่วนงาน HRM ระบบบริหารทรัพยากรบุคคลมาทั้งระบบขององค์กรนั้น หรือแม้แต่การเพิ่ม Outsource ในส่วนของงานเช่ารถดัดแปลงให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เป็นส่วนผลักดันรายได้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านต่างๆคงที่หรือลดต่ำลง ส่งผลเชิงบวกโดยตรงต่อแนวโน้มการเติบโตของภาพรวมกำไรในอนาคต”นายจิรณุ กล่าว
เอกชนลดคนยุคโควิดหันจ้าง Outsource เพิ่ม
นายจิรณุ กล่าวต่อว่า ในช่วงเกิดวิกฤติโควิด-19 เป็นตัวแปรที่ทำให้เห็นว่าธุรกิจ Outsource กลับได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะหลายบริษัทต้องการลดต้นทุนด้านบุคลากรทำให้ธุรกิจ Outsource มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และเชื่อว่าหลังจากนี้ไปแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Outsource ก็ยังมีเพิ่มขึ้นเช่นเดิม
โดยการคัดเลือกคนนั้นบริษัทมีกระบวนการคัดกรองด้วยระบบเทคโนโลยี ทำให้ได้บุคลากรที่มีคุณภาพพร้อมบริการกับลูกค้าที่เหมาะสมแต่ละประเภทงาน
“แม้ว่าจากจุดเริ่มต้นที่บริษัทเน้นการรับงานของหน่วยงานราชการเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันก็กระจายสัดส่วนเข้ามารับงานของหน่วยงานเอกชนมากขึ้น ส่งผลให้ล่าสุดมีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกันคือ 50% ซึ่งลูกค้าเอกชนก็ให้ตอบรับเป็นอย่างดี โดยกระบวนการทำงานภายในองค์กรใช้แนวคิดแบบ “อไจล์” เพื่อแก้ไขปัญหาและทำงานได้อย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับงานที่ได้รับจากลูกค้าเอกชน”นายจิรณุ กล่าว
ธุรกิจเสี่ยงต่ำ ตลอด 40 ปีไม่เคยขาดทุน
สำหรับระยะเวลารับรู้รายได้ของแต่ละสัญญาที่มีกับลูกค้าทั้งหน่วยงานของภาครัฐและเอกชนมีตั้งแต่ 1-3 ปี และสัญญาไม่เกิน 5 ปีสำหรับงานประเภทบุคลากรขับรถยนต์ และที่ผ่านมาบริษัทก็สามารถสนองความต้องการลูกค้าได้ตรงจุด และสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิมมากกว่า 90% และขยายฐานลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 12% ของรายได้ ทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ
“ทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทคือ “คน” ไม่มีภาระการลงทุนเครื่องจักร เป็นข้อดีคือการรับงานแต่ละครั้ง จะเห็นกำไรอย่างชัดเจนเพราะเป็นลักษณะ Cost plus margin หรือเรียกว่าต้นทุนบวกกำไร ทำให้แต่ละงานโอกาสที่จะขาดทุนแทบจะไม่เกิดขึ้น สะท้อนจากตั้งแต่การดำเนินงานมา 40 ปีบริษัทไม่เคยขาดทุน และหนึ่งความโดดเด่นคือเราสามารถมองเห็นว่ามีลูกค้ากี่รายที่จะต่อสัญญาหรือไม่ต่อสัญญา ทำให้สามารถคาดการณ์กระแสเงินสดในอนาคตได้อย่างชัดเจนเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ” นายจิรณุ กล่าว
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รับหลักทรัพย์ประเภทหุ้นสามัญ ของบมจ.สยามราชธานี ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ SO เข้าซื้อขายใน SET ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจบริการเฉพาะกิจ กำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและเริ่มทำการซื้อขายวันที่ 14 ต.ค.63 โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว 310 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 310 ล้านบาท
SO เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 85 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 6.50 บาท ระหว่างวันที่ 3-7 ต.ค.63 โดยบริษัทประกอบธุรกิจใน 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการจัดหาบุคลากร (Outsourcing Services) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจบริการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการจัดหาพนักงานขับรถยนต์ พนักงานสำนักงาน พนักงานช่างเทคนิค และบริการงานบันทึกข้อมูล และธุรกิจบริการดูแลภูมิทัศน์ 2. ธุรกิจให้เช่าและบริการ เป็นการให้บริการรถยนต์ให้เช่าและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์