ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 18 ปี “วิโรจน์ นวลแข” อดีตผู้บริหาร KTB
ศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก "วิโรจน์ นวลแข" อดีตผู้บริหาร KTB จำนวน 18 ปี จากคดีปล่อยกู้เกือบหมื่นลบ. โดยมิชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 18 ปี นายวิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB คดีทุจริตปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย ให้บริษัทในเครือ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC เกือบหมื่นล้านบาทโดยมิชอบ
โดยคดีนี้อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.55 โดยกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 1, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการ KTB และบริษัทในเครือของ KMC กับพวกรวม 27 ราย เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 เนื่องจากร่วมกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อจำนวนกว่า 9 พันล้าน แก่กลุ่มบริษัท กฤษฎามหานคร ซึ่งมีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารฯ ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ระหว่างหลบหนีคดี ให้จำหน่ายคดีชั่วคราวจนกว่าจะนำตัวมาแสดงต่อศาลได้
ทั้งนี้ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่า จำเลยที่ 2-4 และ 12 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ให้จำคุกคนละ 18 ปี ส่วนจำเลยที่ 5, 8-11 และ 13-17 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ประกอบกฎหมายอาญามาตรา 86 ให้จำคุกคนละ 12 ปี สำหรับจำเลยที่ 18-27 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 ประกอบกฎหมายอาญา มาตรา 86
โดยจำเลยที่ 18-22 ซึ่งเป็นนิติบุคคลให้ปรับรายละ 26,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 23-27 ให้จำคุกคนละ 12 ปี และให้จำเลยที่ 20, 25 และ 26 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 10,004,467,480 บาทแก่ธนาคารผู้เสียหาย โดยให้จำเลยที่ 3, 22 และ 27 ร่วมรับผิดจำนวน 9,554,467,480 บาท จำเลยที่ 12-17, 21,23 และ 24 ร่วมรับผิดจำนวน 8,818,732,100 บาท จำเลยที่ 18 ร่วมรับผิด 450,000,000 บาท และจำเลยที่ 2, 4, 5 และ 8-11 และ 19 ร่วมรับผิดจำนวน 8,368,732,100 บาท ถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้หักออกจากจำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วน หากจำเลยที่ 18-22 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 และ 7