“ประยุทธ์” ย้ำพาทุกเสียงเข้าสภาฯ หาจุดกึ่งกลางแก้ปัญหาปท.

"ประยุทธ์" ย้ำพาทุกเสียงเข้าสภาฯ หาจุดกึ่งกลางแก้ปัญหาปท.


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 19.00 น. เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมของมวลชนกลุ่มราษฎร ที่เกิดขึ้นในขณะนี้

โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้นำประเทศ มีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน รักษาสมดุลระหว่างมุมมองความคิด และความต้องการต่างๆ ที่แตกต่างกันในสังคม เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมบนผืนแผ่นดินเดียวกันได้ ขณะเดียวกันต้องบริหารประเทศตามหลักกฎหมาย และต้องเคารพระบบรัฐสภา รวมถึงต้องทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนรักษาความยุติธรรม สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม

ทั้งนี้ วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนน และสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบ และกระบวนการของรัฐสภา โดย เส้นทางนี้อาจจะต้องใช้เวลาและอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งเราต้องแสดงความใจเย็น และความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของเราทุกคนออกมา กล้าที่จะเดินในเส้นทางสายกลาง

“ขณะนี้ผู้ประท้วงได้แสดงความคิดของเค้าแล้ว เสียงและความคิดของพวกเค้า ถูกได้ยินโดยทุกฝ่ายและทุกคนเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่จะนำความคิด และความต้องการของผู้ประท้วง มาพิจารณาร่วมกับความต้องการของประชาชนส่วนอื่นๆ ในสังคมไทย หาเส้นทางที่เหมาะสมและเห็นชอบร่วมกันส่วนใหญ่ ผ่านกระบวนการในระบบรัฐสภา ผมจำเป็นต้องประคับประคอง และแบกรับทุกคนที่มีความคิดแตกต่างกัน ต้องทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ผมต้องปกป้องประเทศจากพลังมืด ไม่ว่าจะมาจากไหนก็ตามที่จะมาสร้างความเสียหายให้ประเทศ ทำให้ประเทศสงบสุขภายใต้กฎหมายเดียวกัน คำนึงถึงเสียงส่วนใหญ่เสมอ คนที่เงียบทำงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง ผมต้องดูแลคนส่วนใหญ่ และไม่ได้ละเลยคนอื่นๆ ต้องบริหารประเทศตามหลักการกฎหมาย ทำตามคำตัดสินรัฐสภาที่เราต้องเคารพ ไม่อาจบริหารประเทศตามเสียงประท้วง หรือทำตามเสียงประท้วงทุกฝ่ายได้ ถึงแม้จะได้ยินทุกเสียงก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายไหนมาเป็นรัฐบาลก็ตามต้องเจอกับผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามเสมอ พวกเราต้องสลายวงจรนี้ ด้วยการถอยคนละก้าว”

โดย นายกฯ มองว่าขณะนี้มีสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมเข้ามามากขึ้น รวมถึงการโจมตีสถาบันอันเป็นที่รัก และเคารพยิ่งสำหรับคนไทย ซึ่งการใช้อารมณ์ และความรุนแรงจะนำมาด้วยความรุนแรงที่มากกว่าเดิม ประวัติศาสตร์ได้บ่งบอกมาหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งจะตามมาด้วยความเสียหายของประเทศเสมอ อย่างไรก็ตามเราต้องคำนึงถึงมรดกที่มีค่าจากบรรพบุรุษ หากเราทำลายจะทำให้เราเสียความเป็นไทย ผมไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงที่ต้องการทำร้ายคนไทยด้วยกัน ไม่ว่าการกระทำต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือคนไทยทำร้ายกันเอง โดยรัฐบาลมีการประกาศเตือนผู้ประท้วงทุกครั้งก่อนการกระทำต่างๆ และกระทำตามหลักสากลทุกประกาศ พร้อมที่จะประณีประนอม เพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเตรียมที่จะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เร็วๆนี้ จึงขอให้ผู้ชุมนุม แสดงความจริงใจในเจตนาดีที่มีต่อประเทศ โดยการเคารพกฎหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็น ข้อเรียกร้องผ่านเวทีสภาผู้แทนราษฎร

“วิธีเดียวที่จะผ่านปัญหาไปได้ ด้วยการพูดคุยกัน แต่ต้องเคารพกฎหมายผ่านรัฐสภา เสียงผู้ประท้วงได้ยินได้ถ่ายทอดสู่ทุกฝ่ายแล้ว แต่เราจะต้องนำความคิดของผู้ประท้วงมาผ่านการเห็นชอบของประชาชนทุกฝ่าย ซึ่งจะมีการเปิดประชุมวิสามัญ เพื่อเปิดประชุมสภา ได้ในวันที่ 26-27 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ผมจะขอเป็นคนแรกก้าวแรกที่พร้อมจะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเร็วๆ นี้ หากไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ขอให้ผู้ประท้วงเคารพกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยขอพวกท่านด้วยความจริงใจ ขอให้ทุกท่านลดระดับเสียงถ้อยคำที่สร้างความแตกแยก ความเจ็บปวดให้คนในสังคม โดยมีอีก 1 ภารกิจเร่งด่วนคือการบรรเทาความเดือดร้อนจากวิกฤตการณ์โควิด-19 และจะต้องนำเอาประเด็นต่างๆที่ถูกพูดถึงมาเริ่มพูดคุยกัน ต้องรักษาบาดแผลให้ทุเราลง ก่อนที่จะบาดลึกไปกว่านี้” นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้าย

Back to top button