“วีรพงษ์ รามางกูร” อดีตรองนายกฯ ชี้ศก.ไทยอยู่ในขั้นวิกฤต
“วีรพงษ์ รามางกูร” อดีตรองนายกฯ ชี้ศก.ไทยอยู่ในขั้นวิกฤต หลังการส่งออกหดตัว ธุรกิจขาดทุน มอง ครม. ชุดใหม่ได้แค่ประคองสถานการณ์ ด้านผู้นำเข้า-จัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมรับยอดขายตก ร้ายแรงกว่าวิกฤต "ต้มยำกุ้ง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีรพงษ์ รามางกูร หรือ ดร.โกร่ง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ว่าเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากการส่งออกหดตัว ธุรกิจต่างๆ ขาดทุน โดยเฉพาะ SMEs ที่ทยอยปิดตัวลงไป ขณะที่หนี้เสียของสถาบันการเงินก็ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 6.4% ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวไปจนถึงปี 2559
นอกจากนี้ยังมองว่าทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาลคงทำได้แค่เพียงประคับประคองไม่ให้เศรษฐกิจทรุดไปมากกว่านี้เท่านั้น แต่คงไม่ถึงขั้นจะเข้ามาทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะขนาดจีนซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ยังทำได้แค่ออกมาตตราการประคองตัวเองไม่ให้เศรษฐกิจทรุดไปมากกว่านี้
สอดคล้องกับบรรดาผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมที่ระบุว่าพิษเศรษฐกิจทำให้ขาดรายได้ไปมาก อย่างเช่น นางยูกิ ศรีกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพนดูลัม จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาหรูแฟรงค์มูลเลอร์ ลองจิ้น และไบรท์ลิ่ง เปิดเผยว่า ตอนนี้ยอดขายนาฬิกาตกลงไปกว่า 15% แล้ว ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศชะลอตัว ทำให้คนซื้อระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แม้แต่กลุ่มลูกค้าของบริษัทที่มีกำลังซื้อยังไม่มั่นใจในการซื้อสินค้าเหมือนที่ผ่านมา ถือว่าวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ร้ายแรงกว่าวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ช่วงปี 2540
ด้าน นายกฤศณัฎฐ์ กิจวิทยศักดิ์ ผู้จัดการแบรนด์ นาฬิกาชาร์ริโอล์ บริษัท เอเวอร์เรส เวิลด์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวส่งผลต่อภาพรวมของตลาดสินค้านำเข้าราคาสูง ซึ่งยอดขายลดลงไปถึง 20%
อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่แม้จะมีกำลังซื้อแต่ก็ชะลอการซื้อสินค้าแบรนด์เนมออกไปก่อน ในส่วนของบริษัทเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ไม่มากนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัททำการตลาดอย่างหนัก อย่างไรก็ตามคาดว่าปลายปีตลาดสินค้าประเภทหรูหราน่าจะกลับมาดีขึ้น แต่ในปีนี้เองบริษัทยังไม่มีแผนนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ และอาจจะเป็นต้นปีหน้า โดยจะต้องประเมินสถานการณ์และภาวะตลาดรวมก่อนการตัดสินใจอีกครั้ง