ประเทศแตกรัฐตีมึน
ม็อบราษฎรไปสถานทูตเยอรมัน ยาวเหยียดจนท้ายขบวนยังอยู่อังรีดูนังต์ เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องอ้าง อ.เกษียร เตชะพีระ อีกแล้วว่าเหมือน “ข้ามแม่น้ำรูบิคอน” ถึงจุดที่ไม่มีหวนกลับ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ม็อบราษฎรไปสถานทูตเยอรมัน ยาวเหยียดจนท้ายขบวนยังอยู่อังรีดูนังต์ เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องอ้าง อ.เกษียร เตชะพีระ อีกแล้วว่าเหมือน “ข้ามแม่น้ำรูบิคอน” ถึงจุดที่ไม่มีหวนกลับ
แต่ที่ประชุมรัฐสภา ยังตีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ยอมรับว่าประเทศไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คนรุ่นใหม่เป็นล้าน ๆ ข้ามแม่น้ำไปแล้ว ไพบูลย์ นิติตะวัน ยังอ้างว่าคนแค่ไม่กี่หมื่น
อ้าว งั้นม็อบเสื้อเหลืองทำไมมีแค่ไม่กี่พัน ม็อบทั้งสองฝั่งเป็นตัวแทนคนที่มากกว่า แถมม็อบเสื้อเหลืองยังเห็นเจนเนอเรชั่นชัดเจน คือแทบไม่เห็นคนรุ่นใหม่
การเปิดประชุมรัฐสภาวิสามัญไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย นอกจากประยุทธ์บอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้ทันเดือนธันวาคม แต่ยืนกรานไม่ลาออก อ้างว่าถ้าออกก็ต้องเลือกนายกฯ ใหม่ตามกติกาเดิม คือ 250 ส.ว.ร่วมเลือกด้วย ถ้ายุบสภา ก็เลือกตั้งตามกติกาเดิม เลือกเสร็จแล้ว 250 ส.ว.มีอำนาจเท่าประชาชนครึ่งประเทศ
เอากติกาทุเรศ ๆ ที่ประชาชนเรียกร้องให้แก้ไข มาค้ำตัวเองให้อยู่ต่อไป ระหว่างตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่อีก 2 ปี
ทั้งที่ข้อเรียกร้องให้ลาออก คือให้รับผิดชอบต่อปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น “ประยุทธ์ออกไป” แล้วหันหน้ามาพูดคุยกัน รัฐสภาก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ วางกติกาใหม่ ทั้งระยะสั้นระยะยาว “ปิดสวิตช์ ส.ว.” แล้วยุบสภา พรรคร่วมรัฐบาลจะกลับมาก็ไม่มีใครว่า
นอกจากดาหน้าเชลียร์ประยุทธ์ ทั้งเหล่า ส.ว.และพรรคร่วมรัฐบาล ยังรุมโทษคณะก้าวหน้าพรรคก้าวไกลไปจนถึงดูไบ-ต่างชาติ อยู่เบื้องหลัง ทำราวกับว่าถ้าไม่มีใครยุยง ประชาชนจะยอมรับกติกาตู่ตั้ง 250 ส.ว.มาโหวตตู่ ตั้งองค์กรอิสระจาก สนช. ไว้จัดการฝ่ายประชาธิปไตย
หรือความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ก็ปิดกั้นข้อมูลข่าวสารคนรุ่นใหม่ไม่ได้ คงมีแต่พวกสูงวัยในกลุ่มไลน์สวัสดีวันจันทร์ ที่คิดว่าโลกยังเหมือนเดิม ยังคิดว่าจะตีกรอบคนรุ่นใหม่ให้อยู่ในความคิดแบบเดิม
พอไม่เป็นอย่างนั้นก็หลอกตัวเอง หลอกพวกเดียวกัน จนเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่าคนรุ่นหลังถูกล้างสมอง ถูกสั่งด้วยแอปฯ ทางมือถือ
ม็อบคนรุ่นใหม่กับรัฐสภา ทั้ง ส.ว.แต่งตั้ง และ ส.ส.ที่มาจากการเมืองอุปถัมภ์ จึงเหมือนอยู่กันคนละโลก ดันทุรัง ไม่ฟัง ซ้ำร้ายอำนาจรัฐยังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ เหมือนที่ใช้มาสิบกว่าปีจนกฎหมายกลายเป็นเศษกระดาษเปื่อยยุ่ย
ตั้งข้อหาร้ายแรงกับแกนนำ จนศาลไม่ให้ประกัน ทั้งที่การชุมนุมเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ก็โดนมาตรา 116 บ่อนทำลายความมั่นคง มั่วสุมเกิน 10 คน ใช้กำลังประทุษร้าย ฯลฯ เจาะพื้นปูนสนามหลวง ก็กลายเป็นทำลายทรัพย์สินแผ่นดิน ทั้งที่เปรียบการกระทำ กปปส. ที่ลอยหน้าลอยตาเป็นรัฐมนตรีในปัจจุบัน เทียบไม่ได้แม้เศษเสี้ยวด้วยซ้ำ
ไม่ต้องดูอื่นไกล กระทั่งกลุ่มคนเสื้อเหลืองฮือเข้าทำร้ายนักเรียนนักศึกษาที่รามคำแหง ชาวบ้านเห็นคลิปทั้งประเทศ ตำรวจกลับอ้างว่าหลักฐานไม่พอ
รัฐมนตรีดีอีเอสยังจะเอาผิดคนโพสต์ในโลกโซเชียล 3 แสน URL เกือบ 3,000 คดี
รัฐเชื่อว่าทำอย่างนี้แล้วจะปราบอยู่? ทั้งที่เห็นชัดว่าคนรุ่นใหม่ ทั้ง Gen-Z และ Gen-Y อีกเกินครึ่ง ข้ามแม่น้ำไปแล้ว ขณะที่พลังอนุรักษนิยมแม้คุมอำนาจทุกอย่าง แต่กำลังเสื่อมทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งอำนาจไม่ชอบธรรม ศีลธรรมล้มละลาย อวดอ้างความดี แต่ไม่มีคนดีอยู่จริง อ้างว่าใช้กฎหมาย แต่ไม่มีความยุติธรรม
ผู้มีอำนาจคงเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ทำอะไรตัวเองไม่ได้ ม็อบไปก็เท่านั้น ติดเพดานแล้วเดี๋ยวก็ล้า ปรามาสพวกเขาเกินไป นี่เพิ่ง 3 เดือนเท่านั้น ยังสั่นสะเทือนได้เพียงนี้