SCC ควัก 696 ลบ. ซื้อเพิ่มทุน AJ สัดส่วน 9.22%-ตั้งบ.ร่วมทุน ลุยผลิต BO Film เวียดนาม
SCC ควัก 696 ลบ. ซื้อเพิ่มทุน AJ สัดส่วน 9.22%-ตั้งบ.ร่วมทุน ลุยผลิต BO Film เวียดนาม
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 มีมติอนุมัติให้บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จ ากัด (หรือ “SCG Chemicals”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมดการลงทุนในบริษัทเอ. เจ. พลาสท์ จำากัด (มหาชน) หรือ AJ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตฟิล์มสำหรับบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้
โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน AJ จำนวน 40,560,773 หุ้น (คิดเป็นสัดส่วนผู้ถือหุ้นร้อยละ 9.22) ณ ราคาหุ้น 17.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 696 ล้านบาท ด้วยวิธีการเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (หรือ “Private Placement”)
นอกจากนี้ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ AJ เพื่อผลิตและจำหน่ายฟิล์ม Biaxially Oriented (หรือ “BO Film”) ในประเทศเวียดนาม บริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนมูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท โดย SCG Chemicals จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 45:55 ตามลำดับ หรือคิดเป็นเงินทุนจาก SCG Chemicals 315 ล้านบาท
ทั้งนี้เงื่อนไขในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ Private Placement ของ SCG Chemicals จะเกิดขึ้นเมื่อมีการลงนามสัญญาร่วมทุน ระหว่าง SCG Chemicals และ AJ
สำหรับการลงทุนดังกล่าวของ SCG Chemicals เป็นการเข้าสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตสูงจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อผลิตและจำหน่าย BO Film ในประเทศเวียดนามและ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสำหรับ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCG Chemicals ที่มีแผนขยายธุรกิจปลายน้ำ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านปลายน้ำมากขึ้น โดยการร่วมทุนครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง AJ และ SCG Chemicals เพื่อการขยายธุรกิจ BO Film ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากราคาเสนอขาย Private Placement ในครั้งนี้เข้าข่ายเป็นการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ในราคาต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่ง รับหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ห้ามมิให้บุคคลที่ได้รับหุ้นจากการเสนอขายหุ้น Private Placement ดังกล่าวนำหุ้นที่ได้รับจากการเสนอขายทั้งหมดออกขายภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่หุ้นเริ่มทำการซื้อขายใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ
โดยภายหลังจากวันที่หุ้นดังกล่าวเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ให้บุคคลดังกล่าวสามารถทยอยขายหุ้นที่ถูกสั่งห้ามขายได้ในจำนวนร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ถูกสั่งห้ามขาย การทำรายการข้างต้นเป็นการได้มาซึ่งสินทรัพย์ โดยมีขนาดของรายการเท่ากับร้อยละ 0.14 ของมูลค่าของ สินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCC สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 และเมื่อรวมกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่ เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการนี้จะเท่ากับร้อยละ 0.22 ดังนั้น การรายงานสารสนเทศข้างต้นจึง ไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน