ดาวโจนส์ปิดพุ่งเกือบ 370 จุด รับจีดีพีสหรัฐฯแข็งแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (27 ส.ค.) ที่ 16,654.77 จุด พุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,812.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.17 จุด หรือ +2.45% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.66 จุด เพิ่มขึ้น 47.15 จุด หรือ +2.43%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มลดลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 29% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 11%, หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากมีข่าวว่า แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในวันที่ 9 ก.ย. โดยประเภทหน้าจอ 4.7 นิ้ว จะใช้ชื่อว่า “ไอโฟน 6 เอส” ส่วนหน้าจอ 5.5 นิ้ว จะชื่อว่า “ไอโฟน 6 เอส พลัส” นอกจากนี้ ทางบริษัทอาจมีการเปิดตัว”ไอแพด โปร” รวมถึง “แอปเปิล ทีวี” รุ่นใหม่ด้วย

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน พุ่งขึ้น 9.4% หุ้นเชฟรอน ปรับขึ้น 6.2% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 8% ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button