น้ำมันดิบปิดพุ่งเกือบ 4 ดอลล์รับจีดีพีสหรัฐฯโตเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.96 ดอลลาร์ ปิด (27 ส.ค.) ที่ 42.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์ ขานรับรายงานที่ว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ของสหรัฐขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล
ความแข็งแกร่งของ GDP สหรัฐทำให้นักลงทุนมองว่า อุปสงค์พลังงานในสหรัฐยังคงเป็นไปในทิศทางบวก ขณะที่ข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐยังช่วยหนุนตลาดน้ำมันดีดตัวขึ้นด้วย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค.ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้นเพียง 250,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล