ดอลล์แข็งค่าหลังจีดีพีสหรัฐแกร่งบ่งชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดี
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน จาก 119.50 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9653 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7099 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า GDP จะมีการขยายตัว 3.3% ในไตรมาสดังกล่าว
การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย หลังจากที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 273,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสได้ช่วยคลายความวิตกแก่นักลงทุนในประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้หรือไม่ แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่แน่ชัดที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย