LEO พื้นฐานแกร่ง ลุ้นยืนเหนือ 4 บ. ชูจุดแข็งเครือข่ายพันธมิตรกว่า 190 ปท.ทั่วโลก

LEO พื้นฐานแกร่ง ลุ้นยืนเหนือ 4 บ. ชูจุดแข็งเครือข่ายพันธมิตรกว่า 190 ปท.ทั่วโลก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นสามัญบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลก (End – to – End Global Logistics Services)  และให้บริการสนับสนุนการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร (Integrated Logistics Services) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ วันนี้ (5 พ.ย.) เป็นวันแรก

โดยมีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลท. และหุ้นชำระแล้ว 320 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นทุนชำระแล้ว 160 ล้านบาท และได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.42 บาท

ทั้งนี้ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าและคู่ค้ามานานกว่า 29 ปี ด้วยการเป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร รวมทั้งมีกลยุทธ์ในการขยายเครือข่ายไปยังพันธมิตรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่ง โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนเพิ่มในธุรกิจ LEO Self-Storage และ E-Fulfillment Center พัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ ขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงการเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดย LEO มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ถือหุ้น 22.65% นายสมศักดิ์ ศรีสุทัศน์กุล ถือหุ้น 9.17% และ บจก.ที เอส ซี โฮลดิ้ง ถือหุ้น 8.64% ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษี ทุนสำรองตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทและบริษัทย่อย

ขณะที่บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้น IPO ใหม่ LEO เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรทั้งทางทะเล อากาศ บก จุดแข็งคือมีเครือข่ายพันธมิตรใน 190 ประเทศทั่วโลก ประกอบกับมีทีมขายที่มีความเชี่ยวชาญ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามายาวนาน ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการรักษาฐานลูกค้าไม่ให้ย้ายไปใช้บริการกับรายอื่น แม้ในครึ่งปีแรกปี 2563 จะได้รับผลลบจาก COVID-19 ทำให้กำไรลดลง 9% เมื่อเทียบจากปีก่อน

อย่างไรก็ตามล่าสุดการกลับมา Reopen ทำให้ความต้องการบริการขนส่งฟื้นตัวขึ้น ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2563 เติบโต 29% เมื่อเทียบจากปีก่อน และโตต่อเนื่อง 27% เมื่อเทียบจากปีก่อน ในปี 2564 หลังฟื้นตัวจาก COVID-19 ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.44 บาท อนึ่ง Finansia เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินมูลค่าพื้นฐาน LEO ที่ 4.36 บาท ด้วยวิธี P/E multiple ที่ 20 เท่า (อิงจากค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นโลจิสติกส์ใน SET และ mai) โดย LEO ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ครอบคลุมทั่วโลก เป็น Partner กับสายเดินเรือสัญชาติเกาหลี และผู้ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทั้งนี้ในปี 2563 ได้รับผลกระทบ COVID-19 ฉุดปริมาณขนส่ง แต่ได้ประโยชน์จากราคาค่าบริการขนส่งทางอากาศสูงขึ้น และบริหารต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ดีทำให้กำไรสุทธิปี 2563 ยังเติบโตได้ 27% เมื่อเทียบจากปีก่อน เป็น 58 ล้านบาท และปี 2564-2565 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและปริมาณขนส่งสินค้า

ขณะที่ราคาค่าบริการขนส่งทางอากาศเพิ่มขึ้น ปริมาณขนส่งทางทะเลได้รับการชดเชยจากงานขนส่งทางอากาศที่โยกมาขนส่งทางทะเลแทน และการควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายภายในบริษัทฯ

Back to top button