3 หุ้น “ตระกูล ป.” วิ่งคึก รับ WTI พุ่ง 4% คลายกังวล “น้ำมัน” ล้นตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 33.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.31% สูงสุดที่ระดับ 33.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 33.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 538.25 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 44.00 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 5.39% สูงสุดที่ระดับ 44.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 43.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 315.53 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 82.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 0.92% สูงสุดที่ระดับ 82.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 81.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154.03 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) ขานรับรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 39.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 41.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ต.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 600,000 บาร์เรล

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8 ล้านบาร์เรลเช่นกันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ต.ค.

นอกจากนี้ ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2564

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Economist Intelligence Unit (EIU) คาดการณ์ว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันออกไป เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรปเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ โอเปกพลัสตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิต 7.7 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะลดกำลังการผลิต 5.8 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนม.ค.2564 ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันจากโอเปกพลัสไหลเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก