SET ยังแกว่งกรอบแคบ Upside จำกัดคัดกรองเล่น 17 หุ้นรับผลดีมาตรการครม.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังแกว่งตัวต่อในกรอบ 1,350–1,380 จุด กลุ่มพลังงาน/ กลุ่มปิโตรเคมี จะยังคงเด่นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดบวกกว่า 5% ในคืนวันศุกร์ ขณะที่สัปดาห์นี้มีการประชุมครม.เพื่อชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.07 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.86 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงหลังตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

 นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ยังแกว่งตัวต่อในกรอบ 1,350–1,380 จุด กลุ่มพลังงาน/ กลุ่มปิโตรเคมี จะยังคงเด่นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดบวกกว่า 5% ในคืนวันศุกร์ ขณะที่สัปดาห์นี้มีการประชุมครม.เพื่อชงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

 สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เน้นหุ้นรับผลดีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้แก่  IRPC, BIGC, CPALL, TK, GL, STEC, CK, SEAFCO, KTB, CPALL, HMPRO, GLOBAL, KTC, EPG, SCN, BIGC, ROBINS

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์(31 ส.ค.) หลังการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนลงหลังการประกาศงบ 2Q58 ขณะที่ระดับค่า PER เป้าหมายคงไว้ที่ 15.5 เท่าตามเดิม จะให้ระดับดัชนีเป้าหมายที่ 1390 จุด เหลือ Upside จำกัดการเลือกหุ้นจึงต้องพิถีพิถันมากขึ้น วันนี้ยังคงเลือก PTT (FV@B360) เป็น Top pick

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) SET มีจังหวะแกว่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,380 จุด แต่ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ ทำให้คาดว่า Set ระยะสั้นยังแกว่งตัวต่อในกรอบ 1,350–1,380 จุด แต่ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นหากปิดหลุด 1,350 จุดลงมาเป็นโอกาสในการ “ซื้อ” กลุ่ม Consumption Plays และ Infrastructure Plays ที่ได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่ทยอยออกมาในช่วง 1-2 เดือนนี้

 “ซื้อ” Consumption Plays และ Infrastructure Plays รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในช่วง 1-2 เดือนนี้ 1. Infrastructure Plays: การย่อตัวลงมาเมื่อวันศุกร์เป็นโอกาส “ซื้อ” STEC  CK SEAFCO และ KTB ที่ได้รับผลบวกทางอ้อม

2. Consumption Plays: “ซื้อ” CPALL HMPRO GLOBAL และ KTC (Initial ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 115 บาท)

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์(31 ส.ค.) มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ยังคง “เป็นกลาง” วันที่ 9 โดยภาพรวม SET INDEX จะยังคงแกว่งในกรอบแคบ 1,360-1,370 จุด กลุ่มพลังงาน/ กลุ่มปิโตรเคมี จะยังคงเด่นต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปิดบวกกว่า 5% ในคืนวันศุกร์ อีกทั้งหุ้น PTT/ PTTEP เป็นหุ้นที่ถูก SBL หนาแน่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันหุ้นหลัก 2 ตัวนี้ต่อเนื่อง แต่เราประเมินว่า Upside ของ WTI เริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้นด่านสำคัญ US$47-48/barrel ยังไม่น่าผ่านได้ จากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบทั้งกลุ่มโอเปค และ นอกโอเปค ยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะที่กลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร / กลุ่มค้าปลีก จะแกว่งในกรอบแคบ เพื่อรอดูแผนระยะสั้น อัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่ง รมว.คลัง เตรียมเสนอแผนต่อครม.ในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Domestic Play ที่ยังคงเด่นในรอบนี้ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ตามแผนของกระทรวงคมนาคม เร่งผลักดันโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการอนุมัติไปก่อน้านี้ ให้ออกมาเป็นรูปธรรม ด้วยการเปิดประมูล รมว.คมนาคม ยืนยัน โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู – เหลือง คาดว่าจะเปิดประมูลลักษณะ PPP ได้ภายในปีนี้ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย – จีน จะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือนต.ค. ตามแผนเดิม ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทางตรง และ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ทางอ้อม

และประเด็นที่น่าสนใจและเราให้ความสำคัญมากขึ้นคือ การเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติ หลังต่างชาติเร่งปิดสถานะ Short ใน SET50 Index Futures ด้วยการมีสถานะ Long สุทธิตลอด 4 วันทำการ มากถึง 40,997 สัญญา รวมถึงการขายสุทธิตลาดหุ้น และ ตลาดตราสารหนี้ไทยชะลอตัวมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 8.27% YTD และ SET INDEX ปรับฐานลง 8.8% YTD ภายใต้การปรับทีมเศรษฐกิจของครม. ซี่งมีการแถลงมาตรการเรียกความเชื่อมั่นระยะสั้น – กลาง – ยาว พร้อมเตรียมเดินสายเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและภาคเอกชนต่างชาติ อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ขายสุทธิตั้งแต่ปี 2556 จนถึง ปัจจุบัน มากถึง 3.2 แสนล้านบาท กลับมาสนใจตลาดหุ้นไทยได้เช่นกัน และถือเป็นปัจจัยที่น่าสนใจและมีผลต่อภาพรวม SET INDEX ในช่วงที่เหลือของปีนี้

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “นักลงทุนที่ขายทำกำไรไปบางส่วนในวันศุกร์ที่ผ่านมา อาจพิจารณาสะสมหุ้นเป้าหมายกลับอีกครั้ง หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย โดยยังคงเน้นกลุ่มที่เกาะกระแสไปกลับมาตรการของทีมเศรษฐกิจ”

Accumulative Buy: KTB

Speculative Buy: IRPC

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ คือ การประชุม ครม.คาดจะมีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น เพิ่มงบเงินทุนหมู่บ้านเป็น 6 หมื่น ลบ.และงบลงทุนโครงการขนาดเล็ก 1 หมื่น ลบ.และวันที่ 6 ก.ย.นี้จะโหวตลงมติร่าง รธน.กลยุทธ์การลงทุน ดัชนี SET รีบาวน์หลังจากความผันผวนในตลาดทุนโลกเริ่มลดลง และรับข่าวบวกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย ระยะสั้น วางรับแนวที่ระดับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380 – 1,400 แนะนำทยอยขายเมื่อดัชนีปรับขึ้น  แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่ได้รับผลบวกจากงบกองทุนหมู่บ้าน เช่น  BIGC, CPALL, TK, GL

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (31 ส.ค.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้  SET น่าจะผัวผวนตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ สำหรับนักลงทุนที่เก็งกำไรภายในวันให้จับตาความเคลื่อนไหวของดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ระหว่างวันตามด้วย ที่สำคัญสัปดาห์นี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจะมีความสำคัญต่อการตัดสินใจในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อาทิตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและ ISM ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้

กลยุทธ์วันนี้: ซื้อเมื่ออ่อนตัว หุ้นกลุ่มน้ำมันอาจปรับขึ้นได้อีกแต่ไม่มากหลังรับข่าวน้ำมันดิบบวกแรงไปแล้ว ยังเน้นปรับพอร์ตเข้าหุ้นขนาดเล็กที่มีปัจจัยเฉพาะตัวและไม่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจอย่าง EPG SCN

Trading วันนี้: BIGC ROBINS (มีรายได้ที่อิงพื้นที่ต่างจังหวัดที่คาดจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า)

 

Back to top button