ปลาวาฬเกยตื้น

ตัวเลขการขาดทุนมากมายชนิดไม่เคยเห็นมาก่อนของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างเครือเซ็นทรัลที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ทำให้เกิดคำถามมาหลายข้อ บังเอิญผู้บริหารเครือนี้ไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งรีบปรับตัวอย่างรวดเร็วไม่ยอมให้ตนเองอยู่ในสภาพปลาวาฬเกยตื้นอย่างน่าสนใจ


พลวัตปี 2020 : วิษณุ โชลิตกุล

ตัวเลขการขาดทุนมากมายชนิดไม่เคยเห็นมาก่อนของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างเครือเซ็นทรัลที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ทำให้เกิดคำถามมาหลายข้อ บังเอิญผู้บริหารเครือนี้ไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งรีบปรับตัวอย่างรวดเร็วไม่ยอมให้ตนเองอยู่ในสภาพปลาวาฬเกยตื้นอย่างน่าสนใจ

ล่าสุดการเคลื่อนตัวของ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เพื่อผลักดันกลยุทธ์ที่เรียกว่า 2-in?-1t ก็เกิดขึ้นดัน “เซ็นทรัล-โรบินสัน” สู่ห้างฯ ออมนิแชนแนลวางเป้าเป็นผู้นำตลาดในอีก 2 ปีข้างหน้า

ถ้อยแถลงของ-นายนิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. CRC ที่เปิดเผยว่า บริษัทประกาศแผนยุทธศาสตร์สำคัญ ด้วยการผนึกกำลังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการขับเคลื่อนองค์กร รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งด้านแพลตฟอร์มออมนิแชนแนลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สู่การเป็นห้างสรรพสินค้าออมนิแชนแนลแห่งแรกของไทย โดยวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำทั้งตลาดออฟไลน์และออนไลน์ภายในปี 2565

การผนึกกำลังกันระหว่างเซ็นทรัลและโรบินสัน (ซึ่งน่าจะกระทำมานานแล้ว แต่รอโอกาส) ในครั้งนี้ คือการนำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์มาต่อยอดเครือข่ายห้างสรรพสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และเสริมแกร่งแพลตฟอร์มออมนิแชนแนลให้สมบูรณ์แบบ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้า และบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคล อาทิ บริการ Click & Collect ที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมงและมารับได้ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และโรบินสันทั้ง 74 สาขาทั่วประเทศ

ยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ แม้ยังไม่มีรายละเอียดอะไรมาก ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงคือในปัจจุบัน เซ็นทรัลและโรบินสันครองตลาดอันดับที่ 1 และ 2 ในธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย ครอบคลุมสินค้ากลุ่มแฟชั่น ความงาม และของใช้ในบ้าน เป็นต้น มีสาขาทั้งหมดรวม 74 แห่งทั่วประเทศ

ที่ผ่านมา ในแต่ละปีเซ็นทรัล และโรบินสัน มีลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมากกว่า 5 ล้านราย ทำให้ยังเล็งเห็นศักยภาพของธุรกิจ และเดินหน้าแผนการขยายสาขาใหม่ 2-5 สาขา/ปี อีกทั้งยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ยังเป็นการรวมทีมงานระดับแนวหน้าของค้าปลีก ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมพัฒนาทักษะพนักงานให้สามารถสร้างประสบการณ์ออมนิแชนแนลที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร …ดูเหมือนจะเน้นความสำคัญเป็นพิเศษกับธุรกิจออนไลน์มากขึ้น ที่เข้ามาเสริมการค้าปลีกแบบออฟไลน์จากจุดขายของพื้นที่ที่มีมากสุดในห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว

เรียกว่าเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่เพิ่มความสามารถจากบริการเดิมให้เกิดบูรณาการครบ 360 องศาก็ว่าได้

การปรับตัวเพื่อสร้างการเติบโตแบบ “ออร์แกนิก” เช่นนี้ หากมองจากมุมการตลาดแล้ว น่าติดตามว่าจะไปได้ดีเพียงใด เพราะการรุกด้วยบูรณาการการตลาดทั้งออฟไลน์ (ในห้าง) และออนไลน์ จะสามารถสร้างคุณูปการมากขึ้นโดยไม่มีปัญหา อ่อนซ้อม ที่จะทำให้ล้มเหลว

ความจำเป็นที่ต้องปรับตัวครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องมีความเจ็บปวดอยู่บ้าง หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมา CRC ที่มีทั้งห้างเครือข่ายเซ็นทรัล และโรบินสัน ต้องมีปัญหาขาดทุนหนักจนทำให้ราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊กแวลูยาวนาน

ราคาตามบุ๊กแวลูที่ 39 บาทเศษ ล่าสุดแม้เพิ่งปรับขึ้นมาก็แค่แถว ๆ 32 บาทเศษเท่านั้น เกิดจากตัวเลขยอดขาย 1.43 แสนล้านบาท แต่ขาดทุนสุทธิ 1.01 พันล้านบาท แม้จะดูไม่สมเหตุสมผล แต่ก็เข้าใจได้ เพราะการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกจากนี้ไปหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปีนี้

ปลาวาฬที่กำลังเกยตื้นอยู่ที่ริมหาด ที่พยายามกระเสือกกระสนไม่ยอมตกเป็นเหยื่อชะตากรรม แม้จะน่าสนใจในความพยายาม แต่ก็ชวนให้ตั้งคำถามว่า การดิ้นรนนี้จะมีประสิทธิผลแค่ไหน

จะกลายเป็นวิลลี่เจ้าทะเลใต้ หรือเป็นแค่ปลาวาฬเหงือกแห้ง ต้องรอคำตอบ

Back to top button