PTT อินเทรนด์บิสซิเนส

สำนักข่าวรัชดา

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT พยายามที่จะออกจากกรอบของธุรกิจพลังงาน หาบิสซิเนสใหม่ ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจดั้งเดิม ไปสู่ New S-Curve มุ่งสู่ธุรกิจนอนออยล์มากขึ้น…

เห็นได้ชัดจากกรณีรุกไปสู่ธุรกิจค้าปลีกผ่านบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จนประสบความสำเร็จ มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ช่วยปั๊มรายได้และกำไรให้กับ PTT ได้เป็นกอบเป็นกำ ล่าสุดก็เตรียม Spin-Off เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปีหน้า

หรือกรณีร้านคาเฟ่ อเมซอน ที่เป็นที่ฮือฮามาแล้ว จากที่คนไม่คาดคิดว่าจะประสบความสำเร็จ เทียบชั้นกาแฟแบรนด์นอกได้ แต่สุดท้าย PTT ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำได้ จากกาแฟในปั๊ม ก็เริ่มรุกเข้าสู่ห้าง และขยายไปตลาดต่างประเทศ จนเรียกได้ว่าวันนี้กาแฟอเมซอนไม่เป็นสองรองใคร…สู้กาแฟแบรนด์นอกได้สบาย

ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสวายร้ายโควิดทำให้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้เทรนด์สุขภาพมาแรง ประกอบกับเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ในอนาคตก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ เลยเป็นที่มาของ PTT เริ่มรุกสู่ธุรกิจเพื่อสุขภาพ เห็นได้จากก่อนหน้านี้ไปจับมือกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) สร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็งเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

ล่าสุดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกไม่เกิน 300 ล้านบาท และอนุมัติเพิ่มทุนเป็นประมาณ 2,000 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อรองรับธุรกิจทางการแพทย์ อาทิ ธุรกิจยา ธุรกิจ Nutrition ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น ตามกลยุทธ์ New S-Curve : Life Science

แน่นอนว่า เราคงไม่เห็น PTT ผลิตยาแก้ปวด แก้ไข้ พาราเซตามอลหรอกนะ แต่จะเป็นการผลิตยาเฉพาะทาง ใช้นวัตกรรมขั้นสูงในการผลิตมากกว่า ซึ่งถ้าผลิตได้ ยากลุ่มนี้จะมีมาร์จิ้นสูง…

และด้วย PTT มีช่องทางค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่แล้ว ก็สามารถใช้เป็นช่องทางระบายสินค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ B2B (Business-to-Business) หรือ B2C (Business-to-Consumer)

ส่วนธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์ ก็สามารถ Synergy ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่เกี่ยวข้องกับเม็ดพลาสติก ซึ่งนำมาทำเป็นอุปกรณ์การแพทย์ได้ เช่น เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หมวกอัดอากาศป้องกันการติดเชื้อ Aerosol box กล่องอะคริลิกป้องกันเชื้อ เป็นต้น

แต่ด้วย PTT เป็นฐานทุนใหญ่ มีความได้เปรียบ สามารถลงมือทำได้เร็ว ไม่แน่ PTT อาจใช้วิธีไปเทกฯ กิจการอื่นมาก็ได้

หรือถ้าจะตั้งโรงงานเอง…เรื่องสถานที่ก็ไม่ต้องกังวล สามารถใช้คาปาซิตี้ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวังจันทร์วัลเลย์ ที่เป็นศูนย์นวัตกรรมทำ R&D หรือใช้ผลผลิตด้านบุคลากรจากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ และสถาบันวิทยสิริเมธี ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่ผลิตบุคคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์มาต่อยอดได้เช่นกัน

เท่ากับว่า PTT ข้ามไลน์จากน้ำมัน ไปสู่ธุรกิจค้าปลีก แล้วกระโดดมาทำด้านการแพทย์แล้วน่ะสิ…

ก็น่าจับตาธุรกิจทางการแพทย์ของ PTT ซึ่งวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น อาจยังไม่เห็นความชัดเจนมากนัก…

แต่อย่าลืมว่า PTT เคยปั้นร้านกาแฟอเมซอนให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว มาคราวนี้ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน…

ไม่งั้นคงเสียชื่อ PTT และแม่ทัพใหญ่อย่าง “เฮียโด่ง”-อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ น่ะสิ…

จริงมั้ยคะเฮีย…

…อิ อิ อิ…