EP พุ่งแรง 7% สวนภาวะตลาดฯ ลุ้นรายได้ปีนี้ทำนิวไฮต่อเนื่อง

EP พุ่งแรง 7% สวนภาวะตลาดฯ ลุ้นรายได้ปีนี้ทำนิวไฮต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ณ เวลา 15.42 น. อยู่ที่ระดับ 5.10 บาท บวก 0.36  บาท หรือ 7.59 % ด้วยมูลค่าซื้อขาย 64.97 ล้านบาท

ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 2 ปี 4 เดือน โดยเทียบตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 5.20 บาท เมื่อวันที่ 4 ก.ค.61 และวิ่งสวนตลาดหุ้นไทยติดลบ โดยดัชนี SET ณ เวลา 15.46 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,406.26 จุด ลบ 14.17 จุด หรือ 1.00% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 83,586.90 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 มีกำไรสุทธิ 1,220.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,124.80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,174.72% หรือเพิ่มขึ้น 11.75 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 95.75 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 1,398.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,071.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 328.31% หรือเพิ่มขึ้น 3.28 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 326.49 ล้านบาท

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 2,371.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,230.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 108% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,141.44 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 1,063.934 ล้านบาท และเป็นกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 1,307.91 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ทั้ง 4 โรง รวมกำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าที่บ่อพลอย ขนาด 5 เมกะวัตต์ (MW) 2 โรง โรงไฟฟ้าลพบุรี ขนาด 5 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าปราจีนบุรี ขนาด 5 เมกะวัตต์ ให้กับบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG

และการขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น 3 โรง  รวมกำลังผลิต 31.75 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการ Kurihara 1 ขนาด 9.52 เมกะวัตต์ โครงการ Kurihara 2 ขนาด 12.24 เมกะวัตต์ และโครงการ Kyoto ขนาด 9.99 เมกะวัตต์ ให้แก่ Blue Energy Capital GK และ Kurihara Taiyoukou Hatsuden GK ซึ่งเป็นนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่น  ทั้งนี้กำไรจากการจำหน่ายโครงการ Kyoto จะรับรู้ในไตรมาส 4/2563

ขณะเดียวกันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน คาดว่าจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือนตุลาคม 2564 มีอัตราผลตอบแทนที่คาดหวังของผู้ถือหุ้น (IRR) ในระดับ 20-25% ต่อโครงการ ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโต และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโตเกิน 50% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,103.73 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง

Back to top button