ITEL ปลื้ม! ติดอันดับหุ้นยั่งยืนปี 63 ส่งซิกผลงาน Q4 โตต่อ รับโซลูชันใหม่กระตุ้นตลาด
ITEL ปลื้ม! ติดอันดับหุ้นยั่งยืนปี 63 ส่งซิกผลงาน Q4 โตต่อ รับโซลูชันใหม่กระตุ้นตลาด
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL กล่าวถึง ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.2563) บริษัท มีรายได้รวม 1,398.84 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 147.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.08% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยบริษัทมีรายได้หลักแบ่งเป็นจากงานบริการโครงข่ายอยู่ที่ 825.24 ล้านบาท รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายอยู่ที่ 478.20 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ มีรายได้จำนวน 63.59 ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงาน และการช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
โดยมั่นใจแนวโน้มโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 หนุนกำไรปี 2563 จากผลประกอบการไตรมาส 3/2563 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 475.78 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 49.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.24% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งถือเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 284.49 ล้านบาท รองลงมาเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย มีรายได้อยู่ที่ 164.89 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ มีรายได้จำนวน 22.37 ล้านบาท สำหรับสาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ของบริษัทฯ เติบโตขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้รายได้งานโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล ในส่วนของงานบริการระยะที่ 2 (USO Phase 2) ที่เริ่มมีการเปิดให้บริการจำนวนมากขึ้น และในอนาคตยังมีงานในมือ (Backlog)
อาทิ เช่น งานโครงการอินเทอร์เน็ตพื้นที่ชายขอบ (USO Phase 1) โครงการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) โครงการจัดหาบริการคู่สายวงจรเช่า (Link) สำหรับธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ โครงการจ้างเหมาออกแบบและติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงระยะทาง 3,600 กิโลเมตร ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้และปีถัดไป
โดยภาพรวมการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมโทรคมนาคมนั้น บริษัทฯ ยังอยู่ในทิศทางที่ดี มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเป็นโอกาสที่ดีของ ITEL ในการใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเข้าไปนำเสนองานแก่หน่วยงานต่างๆ โดยไตรมาสสุดท้ายบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบศูนย์ USO NET โดยได้ส่งมอบแล้วในเดือนตุลาคม 2563
ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นจัดตั้งศูนย์ USO NET ในทุกเฟสให้เป็นพื้นที่ที่สามารถให้บริการด้วยโครงข่าย Fiber Optic ทั้งหมด ยกระดับประสิทธิภาพศูนย์ USO NET ของบริษัทฯให้ได้ใช้โครงข่ายประสิทธิภาพสูงรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ความเร็วตามที่ กสทช. กำหนด เพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยให้ประชาชนสามารถใช้งานศูนย์ USO NET ในการพัฒนาการเรียนรู้ และการใช้งานด้านไอทีในชุมชนได้อย่างเต็มที่ในพื้นที่ห่างไกล
ล่าสุด บริษัทฯได้รับคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ THAILAND SUSTAINABILITY INVESTMENT (THSI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนการเป็นบริษัทชั้นนำ ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ในกระบวนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจ ในฐานะผู้นำทางด้านโทรคมนาคม ที่พร้อมนำเสนอบริการที่ดีที่สุด ตอกย้ำการเป็น ผู้ให้บริการโครงข่ายแบบครบวงจร ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่ดี เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
“ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่บริษัทฯ ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานหลายๆ อย่าง จากช่วงสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งจากการที่บริษัทฯ มีจุดเด่นของโครงข่ายที่แข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารกรุงไทย ที่เลือกใช้บริการกับบริษัทฯ จึงเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฯ จะได้ให้บริการลูกค้าที่มีปริมาณสาขาจำนวนมากขึ้น และจากความเชี่ยวชาญในการวางโครงข่ายของบริษัท ทำให้ได้รับความไว้วางใจในงานด้านการวางโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาให้บริการในรูปแบบ Customization เพื่อการออกแบบโซลูชั่นตามความต้องการขององค์กรลูกค้า ตอกย้ำการบริหารงานที่เติบโตต่อเนื่อง และยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้นต่อไป” นายณัฐนัย กล่าว