CENTEL มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 2 หมื่นลบ.เล็งสร้างโรงแรมที่มัลดีฟมูลค่า 120 ล้านเหรียญฯ
CENTEL มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 2 หมื่นลบ.กำไรทำนิวไฮ-อัตราเข้าพักดีกว่าปีก่อน เผยอยู่ระหว่างเจรจาเจ้าของเกาะมัลดีฟลุยสร้างโรงแรมวางงบลงทุน 120 ล้านเหรียญฯ
นายรณชิต มัพทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรม เซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ราว 2 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้แล้ว 9,756.93 ล้านบาท และปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 18,486.39 ล้านบาท
ขณะที่กำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุด จากครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิได้แล้ว 1,080 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ากำไรสุทธิปีก่อนที่อยู่ที่ 1,188.49 ล้านบาท จากการดำเนินนโยบายควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง และระมัดระวังการเปิดสาขาร้านอาหารมากขึ้น
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี (OCC) จะเติบโตอยู่ที่ 80% จากปีก่อนอยู่ที่ 75% และอัตรารายได้ต่อห้องพัก (REVPAR) ปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 7% โดยสถานการณ์การเข้าพักในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีอัตราการเข้าพักเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ในช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 86% สูงกว่าเดือนส.ค.57 ที่อยู่ที่ 76.9% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีผลกระทบระยะสั้น ต่อภาพของการท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงของไฮซีซั่น คาดว่าภาพธุรกิจโรงแรมน่าจะมีการเติบโตได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้การลงทุนในธุรกิจโรงแรม บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของเกาะมัลดีฟ เพื่อก่อสร้างโรงแรม จำนวน 150 ห้อง ทั้งสิ้น 2 โรงแรม วางงบลงทุนไว้ 120 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 61 และอยู่ระหว่างการลงทุน 3 โรงแรมในประเทศ คือ เกาะสมุย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในปี 61 และที่พัทยา, เชียงใหม่ ใช้เงินลงทุนราว 600 ล้านบาทต่อแห่ง
ส่วนของธุรกิจร้านอาหาร บริษัทฯมีความระมัดระวังในการขยายสาขามากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาราว 30 สาขา ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการขยายสาขาอยู่ที่ 50 สาขา/ปี ซึ่งวางงบลงทุนไว้ราว 600 ล้านบาท ขณะที่แผนซื้อกิจการร้านอาหารก็ยังอยู่ระหว่างศึกษา โดยมีนโยบายการลงทุนที่จะต้องให้ผลตอบแทนราว 15% วางงบลงทุนต่อดีลประมาณ 600-1,000 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เสนอขายสาขา KFC ให้แก่บริษัทฯราว 100 สาขานั้น บริษัทฯมองว่ามีการเสนอขายในราคาที่สูง ทางบรัษัท ยัม เรสเทอรองตส์ฯ จึงเปิดประมูลซึ่งจะสิ้นสุดในปี 59 เพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆเข้ามาร่วมประมูล และบริษัทฯก็มองว่าเป็นโอกาสในการเข้าไปร่วมเช่นกัน
อย่างไรก็ตามถ้าหากบริษัทฯสามารถประมูลได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวรายได้และกำไรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่หากไม่ได้สาขาเข้ามาก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่อย่างใด ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขา KFC อยู่ราว 202 สาขา และบริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ฯ มีสาขาอยู่ที่ 330 สาขา