BCH ปักเป้ารายได้ปี 64 โต 10-15% รับโควตาประกันสังคมเพิ่ม-เปิด 2 รพ.ใหม่
BCH ปักเป้ารายได้ปี 64 โต 10-15% รับโควตาประกันสังคมเพิ่ม-เปิด 2 รพ.ใหม่
นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 10-15% ซึ่งเป็นการกลับมาฟื้นตัวขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะติดลบเล็กน้อย โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากการทยอยกลับมาใช้บริการรักษาในโรงพยาบาลของลูกค้า หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงไปมาก
ขณะเดียวกันบริษัทจะได้รับโควตาคนไข้ประกันสังคมในโรงพยาบาลของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ราย ทำให้มีจำนวนคนไข้ประกันสังคมเพิ่มขึ้นเป็น 1.07 ล้านราย จากปัจจุบันมีจำนวนคนไข้ประกันสังคมอยู่ที่ 1.06 ล้านราย ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัทในปี 64 และการเปิดโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี จำนวนเตียง 115 เตียง ในช่วงไตรมาส 1/64 และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ สปป.ลาว จำนวนเตียง 110 เตียง ในช่วงไตรมาส 2/64 ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ในปี 64 เนื่องจากบริษัทสามารถรองรับจำนวนคนไข้ได้เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งในส่วนของการให้บริการสถานที่กักตัวโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศในโรงพยาบาลในเครือของบริษัท และโรงแรมที่เป็นพันธมิตรในรูปแบบ โรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine : AHQ) และโรงแรมสถานที่กักตัวทางเลือก (Alternative State Quarantine : ASQ) ทั้ง 16 แห่ง ยังคงดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีจำนวนผู้ที่เข้ามากักตัวในสถานกักตัวของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยใช้บริการกักตัว
นอกจากนี้ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่พบว่ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจ เพราะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาล และหากมีวัคซีนออกมาใช้จริงก็จะมีการให้บริการฉีดวัคซีนได้ แต่คาดว่าจะต้องรอไปในช่วงครึ่งหลังของปี 64 เพราะยังคงต้องรอการผลิตจากทางบริษัทยา ซึ่งทางภาครัฐได้เตรียมจัดสรรวงเงินในการสั่งซื้อวัคซีนไว้แล้ว 3 พันล้านบาท
“การเติบโตของรายได้ในปี 64 ถือว่ามาจากฐานที่ต่ำในปี 63 ซึ่งก็มีปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วยหนุนผลงานของบริษัท แต่เราก็จะรักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับที่ดีทั้งปีนี้และปีหน้า มีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เรามีความสามารถในการทำกำไรที่ดี ซึ่งในปีนี้คาดว่า EBITDA Margin จะอยู่ที่ 29.9% และในปีหน้าก็จะรักษาให้อยู่ที่ 28-30%”นายภูมิพัฒน์ กล่าว
ด้านเงินลงทุนในปี 64 บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 721 ล้านบาท เพื่อลงทุนโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์ ให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการตามแผนงาน และอาจจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทุนโรงพยาบาลมะเร็งออกมาในปี 64 ซึ่งเลื่อนมาจากปีนี้ แต่จะเป็นโครงการที่ใช้เงินลงทุนไม่สูงมากราว 100 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 4/63 คาดว่าจะเห็นการพลิกกลับมาเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น จากแนวโน้มจำนวนคนไข้เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลรักษาโรคประจำฤดูที่เกิดในเด็ก ที่เกิดขึ้นในปลายไตรมาส 3/63 เข้ามาต่อเนื่อง และมีรายได้ที่มาจากการให้บริการกักตัวโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งในไตรมาส 4/63 มีคนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์บวก หนุนผลงานในไตรมาส 4/63 โดยเฉพาะในส่วนของโรงพยาบาลเวิลด์ เมดิคอล ที่ให้บริการกักตัวโดยเฉพาะ
ด้านแนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลในปี 64 มองว่าธุรกิจโรงพยาบาลระดับบนยังคงมีการแข่งขันสูง จากการมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาดเพิ่มมากขึ้น และมีการแข่งขันด้านคุณภาพการให้บริการ ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ที่เข้มข้น ผนวกกับการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ส่วนโรงพยาบาลระดับกลาง และระดับกลาง-บน ยังมองว่าเป็นกลุ่มที่การแข่งขันยังไม่สูงมาก เพราะเป็นกลุ่มที่จับลูกค้าในตลาดเฉพาะในแต่ละพื้นที่ เน้นการให้บริการรักษาที่มีความหลากหลาย