โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” PRM ลุ้นไตรมาส 4 กำไรเด่น รับธุรกิจเรือขนส่งฟื้น
โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” PRM ลุ้นไตรมาส 4 กำไรเด่น รับธุรกิจเรือขนส่งฟื้น
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ประเมินราคาเป้าหมายที่ 13 บาทต่อหุ้น โดยกำไรของ PRM ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ดีมาก นับได้ว่ากำไรทำ New High นับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะตั้งแต่เข้าตลาดมาก็มีการซื้อเรือเพิ่มมาเรื่อย ๆ และปีนี้มีการปิดประเทศทำให้โรงกลั่นจะต้องมีที่เก็บน้ำมันซึ่งที่เก็บบนพื้นดินสต็อกเก็บน้ำมันเต็มกันหมดแล้ว ก็ต้องไปฝากเก็บน้ำมันไว้บนเรือที่รับฝากเก็บน้ำมัน ซึ่งรวมถึง PRM ด้วย ทำให้ PRM ได้โอกาสในการปรับขึ้นค่าเช่าเรือตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ปีหน้าอาจจะปรับขึ้นค่าเช่าเรือไม่ได้มากเท่าปีนี้แล้ว
โดย PRM มีรายได้จากธุรกิจเช่าเรือ FSU อย่างสม่ำเสมอและได้ปรับขึ้นค่าเช่าจากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าจะเพิ่มเรือแต่ก็ใช้ Capacity เรือเต็มทุกลำ ส่วนธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศได้ถูกผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จากปริมาณขนส่งน้ำมันอากาศยานที่หายไปจากไม่มีการบิน แต่ก็มองเป็นแค่ชั่วคราว ที่สุดธุรกิจนี้ก็จะกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ และถือเป็นรายได้หลักของ PRM
ทั้งนี้ มองว่าผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/63 ของ PRM ก็ยังจะเติบโตดีแม้ว่าจะมีวันหยุดมาก ซึ่งกำไรในไตรมาส 3/63 ต่ำ เป็นเพราะนำเรือ 3-4 ลำไปซ่อมบำรุง ทำให้มีค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงด้วย และยังไม่มีรายได้ในช่วงนำเรือไปซ่อมบำรุง แต่ในไตรมาส 4/63 เรือกลุ่มนี้ได้กลับมาแล้ว ทำให้มองว่ากำไรไตรมาส 4/63 น่าจะดีกว่าไตรมาส 3/63พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ของ PRM ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท ส่วนปี 64 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PRM ประเมินราคาเป้าหมายที่ 12.20 บาทต่อหุ้น โดยกำไรปี 63-64 ของ PRM ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ว่ากำไรไตรมาส 3/63 จะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 2/63 อันเป็นผลจากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ประมาณ 15 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2/63 มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 32 ล้านบาท แต่หากมองกำไรปกติยังทำได้สูงกว่าไตรมาส 2/63 พร้อมกันนี้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 63 ไว้ที่ 1,554 ล้านบาท เติบโตจากปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,023 ล้านบาท
โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจเช่าเรือขนส่งและกักเก็บปิโตรเลียมกลางทะเล (FSU) ที่เติบโตเด่นจากการปรับค่าเช่าเรือขึ้น 20% ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนยังไม่เพิ่ม เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว และธุรกิจเติบโตขึ้นมา ชดเชยทุกธุรกิจที่แย่จากผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 พร้อมกันนี้คาดว่ากำไรในไตรมาส 4/63 จะยังดีอยู่ ซึ่งเงินบาทที่แข็งค่าน่าจะทำให้มีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน โดย PRM มีหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ ถ้าเงินบาทแข็งค่าก็จะได้ประโยชน์มากกว่า
ส่วนกำไรสุทธิในปี 64 จะเด่นคาดว่าจะมีกำไร 1,905 ล้านบาท จากธุรกิจ FSU ที่มีโอกาสจะปรับขึ้นค่าเช่าเรือได้อีกราว 5-10% ส่วนธุรกิจขนส่งน้ำมันภายในประเทศในปี 63 อยู่ในระดับต่ำเพราะเจอผลกระทบจากโควิด-19 แต่ในปี 64 ที่จะเริ่มมีการบิน และบินระหว่างประเทศได้ ธุรกิจนี้น่าจะมีรายได้กลับมา ซึ่งทั้งธุรกิจ FSU และธุรกิจขนส่งน้ำมันภายในประเทศคิดเป็น 80-85% รายได้หลักของบริษัท