“ไอพีโอ” น้องใหม่ JR เทรดวันแรกลุ้นวิ่งเหนือ 8 บ. พื้นฐานแกร่ง กำไรปี 63-65 โตกระโดด
"ไอพีโอ" น้องใหม่ JR เทรดวันแรกลุ้นวิ่งเหนือ 8 บ. พื้นฐานแกร่ง กำไรปี 63-65 โตกระโดด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้หลักทรัพย์ บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR จะเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้วยราคาเสนอขายที่ 5.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขายรวม 1.1 พันล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด มหาชน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ JR จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.32 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
สำหรับสัดส่วนการเสนอขายหุ้น แบ่งเป็น 1.เสนอขายต่อประชาชนจำนวน 184,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 24.21 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ และ 2. เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 16,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 2.11 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการใช้เงินครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนิขายหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงินสุทธิประมาณ 1.06 พันล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ภายในปี 2566
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อาจพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับ ผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน และความจำเป็นในการใช้เงินทุนหมุนเวียน ในการบริหารกิจการ และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “JR” ในวันนี้ (30 พ.ย.63)
ด้านนายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR เปิดเผยว่าการนำบริษัท เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพในการรับงานที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และแข่งขันต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
โดย JR มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มวิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ถือหุ้น 61.89% 2) กลุ่มอุทัยรัตน์ ถือหุ้น 7.10% และ 3) นายสมชาย ประพันจิตร ถือหุ้น 1.82% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building)
ทั้งนี้ ราคาที่เสนอขายคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio :P/E) เท่ากับ 50 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ 0.11 บาท/หุ้น ซึ่งคำนวณจากจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้นของ JR โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 8.80 บาท เนื่องจาก JRจะเป็นหุ้นเติบโตแห่งปี โดยบริษัทฯเป็นผู้ให้บริการรับเหมาฯก่อสร้าง และติดตั้งงานระบบไฟฟ้า และสื่อสารฯ ซึ่งฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 2563-2565 ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลักมาจาก การได้งานเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง ทำให้งานในมือที่ลงนามสัญญาแล้ว (Backlog) ปัจจุบันพุ่งขึ้นเป็น 6,387 ล้านบาท สูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อปีในอดีต 7 เท่าตัว
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยจึงคาดกำไรสุทธิปี 2563-2565 จะเติบโตก้าวกระโดดเฉลี่ย 80.3% ต่อปี (CAGR) จากการรับรู้รายได้ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ขณะที่ Margin คาดยังควบคุมได้อยู่ในระดับที่ดี พร้อมประเมินราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 8.80 บาท อ้างอิงระดับ PEG 1 เท่า โดยใช้ระดับTargetPER ที่ 23 เท่า (อ้างอิงการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2565) และมี Premium จากผู้เล่นในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและสาธารณูปโภค และผู้เล่นในกลุ่ม SI จากการเติบโตของกำไรปี 2563-2565 ที่โดดเด่นกว่า
รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมไฟฟ้า และสื่อสารฯ เป็นบวกต่อ JR ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นอ้างอิงจากแผน PDP2561 ทำให้คาดว่าจะเกิดการพัฒนาโครงข่ายสายส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับกำลังการผลิตใหม่ๆ ส่วนด้านอุตสาหกรรมสื่อสารฯ คาดยังมีการทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งฝั่งภาครัฐและเอกชนรับกับนโยบาย Thailand 4.0 รวมถึงการระบาดของ COVID-19 ที่กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างรวดเร็ว ส่วนการเริ่มเปิดให้บริการ 5G ในไตรมาส 4/2563 คาดเป็นอีกปัจจัยบวกระยะยาว ซึ่งทั้งหมดเป็นโอกาสสำหรับ JR ในการได้รับงานเพิ่มอย่างต่อเนื่องในอนาคต