LEO กำไรโลดแล่นยาว

ข้อดีของ LEO คือการเป็นธุรกิจประเภท “Asset light” ซึ่งไม่จำเป็นต้องมียานพาหนะสำหรับการขนส่งเป็นของตัวเอง แต่จะมุ่งเน้นการทำธุรกิจในเชิงการให้บริการผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์อยู่ทั่วโลก


คุณค่าบริษัท

ข้อดีของ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO คือการเป็นธุรกิจประเภท “Asset light” ซึ่งไม่จำเป็นต้องมียานพาหนะสำหรับการขนส่งเป็นของตัวเอง แต่จะมุ่งเน้นการทำธุรกิจในเชิงการให้บริการผ่านพันธมิตรด้านโลจิสติกส์อยู่ทั่วโลก

ทั้งนี้ ทำให้ LEO มีความเสี่ยงต่ำในกรณีที่เกิดวัฏจักรขาลงของอุตสาหกรรมขนส่ง เนื่องจากไม่จำเป็นต้องแบกต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคา และค่าซ่อมบำรุง

นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกอย่างคือ ไม่รับความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของต้นทุนพลังงาน ที่เป็นความเสี่ยงหลักของธุรกิจโลจิสติกส์ เนื่องจาก LEO จะเป็นผู้ให้บริการโดยคิดค่าบริการในลักษณะ Cost plus

ด้วยการให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรที่ครอบคลุมทั่วโลกผ่านพาร์ตเนอร์ไม่ต้องใช้ต้นทุนมาก ทำให้ยังสามารถทำผลงานดีต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 253.98 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 231.28 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 14.80 ล้านบาท หรือ 0.074 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.61 ล้านบาท หรือ 0.227 บาทต่อหุ้น มีความสามารถในการบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี

ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทมีรายได้รวมทรงตัวอยู่ที่ 791.12 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 797.28 ล้านบาท แต่บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 42.88 ล้านบาท หรือ 0.214 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 38.73 ล้านบาท หรือ 0.227 บาทต่อหุ้น สาเหตุเกิดจากความสามารถของบริษัทในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นและการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานของธุรกิจ

นอกเหนือจากนั้นธุรกิจ E-commerce ที่กำลังเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ เป็นผลจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และส่วนหนึ่งได้รับปัจจัยเร่งมาจากวิกฤติโควิด-19 โดย LEO ได้รับอานิสงส์จากประเด็นนี้ผ่านทางธุรกิจขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 18% ของรายได้รวมใน 9 เดือนแรกของปี 2563 และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นได้ เนื่องจากธุรกิจ E-commerce ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวกินส่วนแบ่งของธุรกิจการค้าแบบดั้งเดิมได้อีกมาก

ขณะเดียวกัน LEO ลงทุนธุรกิจให้บริการพื้นที่ “Self Storage” โดยปัจจุบันมีการให้บริการธุรกิจนี้แล้วแห่งหนึ่ง มีอัตราการเช่าราว 75% พื้นที่รวม 1,200 ตรม. (รายได้คิดเป็น 1% ของรายได้รวมใน 9 เดือนแรกปี 2563) และจะลงทุนเพิ่มอีก 2 แห่ง (1 แห่งในปี 2564 และอีก 1 แห่งในปี 2565)

สุดท้ายข้อมูลทาง บล.เคจีไอ คาดกำไรปี 2564 โตเพิ่มขึ้น 31.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยังไม่รวม Upside จากการหาพันธมิตรใหม่ และโอกาสในการทำ M&A

ดังนั้น จากภาพรวมยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.3 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ 72,875,200 หุ้น 22.77%
  2. นายสมศักดิ์ ศรีสุทัศน์กุล 29,352,000 หุ้น 9.17%
  3. บริษัท ที เอส ซี โฮลดิ้ง จำกัด 27,632,000 หุ้น 8.64%
  4. คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล 19,340,000 หุ้น 6.04%
  5. นายวิเศษ สิทธิสุนทรวงศ์ 16,500,000 หุ้น 5.16%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเสนีย์ แดงวัง ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ
  2. นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานคณะผู้บริหาร, รองประธานคณะกรรมการบริษัท, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  3. นายสุรสิทธิ์ อัศวศักดิ์เสรี กรรมการ
  4. น.ส.ศรีไพร เอกวิจิตร์ กรรมการ
  5. นายอภิชาต ลี้อิสสระนุกูล กรรมการอิสระ

Back to top button