‘ยาก’ ที่จะทำตาม ‘การคาดหวัง’
มีบ่อยครั้งที่หุ้นก็ยังปรับตัวลงทั้งที่บริษัทนั้น ๆ มีผลกำไรรายไตรมาสดีและมีประมาณการแนวโน้มในเชิงบวก พอดีมีตัวอย่างจากหุ้น “ซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชั่นส์” ให้เห็นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง
มีบ่อยครั้งที่หุ้นก็ยังปรับตัวลงทั้งที่บริษัทนั้น ๆ มีผลกำไรรายไตรมาสดีและมีประมาณการแนวโน้มในเชิงบวก พอดีมีตัวอย่างจากหุ้น “ซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชั่นส์” ให้เห็นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็พอจะเข้าใจได้ว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
หุ้นซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชั่นส์ ปรับตัวลงประมาณ 5% ในวันจันทร์ที่ผ่านมาทั้งที่บริษัทรายงานว่ากำไรไตรมาสสามและประมาณไตรมาสสี่ เกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า นักลงทุนผิดหวังที่ “อัตราการเติบโตของรายได้” อาจลดลง หลังจากที่ได้พุ่งแรงมากในปีนี้
ซูมมีกำไรต่อหุ้น 99 เซนต์ ในช่วงไตรมาสสาม จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 76 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 777.2 ล้านดอลลาร์ จากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 694 ล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับคาดการณ์กำไรไตรมาสสี่เพิ่มจาก 77 เซนต์ต่อหุ้น เป็น 79 เซนต์ และคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 811 ล้านดอลลาร์ ซึ่งชี้ว่าโตถึง 329%
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ที่รีฟินิทีฟสำรวจมา คาดการณ์ว่า ซูมจะมีกำไรไตรมาสสี่ เพียง 66 เซนต์ต่อหุ้น และมีรายได้เพียง 730.1 ล้านดอลลาร์
การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ทำให้คนต้องพึ่งโปรแกรม “ซูม” เพื่อทำงาน เรียนหนังสือและได้เห็นหน้าค่าตาของคนในครอบครัวในช่วงล็อกดาวน์ ด้วยเหตุนี้รายได้ของซูมจึงโตถึง 367% ในช่วงไตรมาสสามเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้นในช่วงไตรมาสสอง รายได้ก็โตเพิ่มถึง 355% จากที่รายได้ในช่วงไตรมาสก่อนหน้าโตราว 169%
มากกว่า 80% ของรายได้ในช่วงไตรมาสสามมาจากการได้ลูกค้าใหม่เป็นสมาชิก รายได้ในเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลางและ แอฟริกา โตถึง 629% ในขณะที่ในอเมริกาโตกว่า 300% ในปลายเดือนตุลาคม ซูมมีลูกค้าที่เป็นบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 10 กว่าคนประมาณ 433,700 ราย โดยเพิ่มขึ้นถึง 485% เมื่อเทียบปีต่อปี และโตจากไตรมาสสอง 355%
หากไม่นับการปรับตัวลงหลังปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ หุ้นซูมได้ปรับตัวขึ้นถึง 591% นับตั้งแต่ต้นปี หรือประมาณ 7 เท่า ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นในช่วงเดียวกันประมาณ 12% เท่านั้น
การระบาดของไวรัสโคโรนาได้ทำให้ซูมกลายเป็นหุ้นที่โดดเด่นมากสุดบริษัทหนึ่งของโลกในปีนี้ อีริค หยวน อดีตผู้บริหารและวิศวกรของซิสโก ได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อปี 2554 จากนั้นได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ในปี 2556 การเติบโตอย่างรุนแรงของรายได้ และซอฟต์แวร์ที่มีการรับรู้กันว่าใช้ง่ายและไว้ใจได้ ส่งผลให้ซูมกลายเป็นบริษัท “ยูนิคอร์น” หรือสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2560
แต่บริษัทเพิ่งสามารถทำกำไรเป็นครั้งแรกในปี 2562 และเสนอขายไอพีโอได้สำเร็จในปีนั้น และได้เข้าไปอยู่ในดัชนีแนสแดก-100 เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปีนี้เอง
ตั้งแต่ต้นปีนี้ มีการใช้ซอฟต์แวร์ของซูมเพิ่มขึ้นทั่วโลกมากหลังจากที่มีการออกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อตอบโต้กับการระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก แต่หุ้นซูมได้เริ่มปรับตัวลงในเดือนพฤศจิกายน เมื่อมีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19
นักลงทุนได้เริ่มมองข้ามผลกำไรรายไตรมาสของบริษัท โดยไม่เพียงแต่มองข้ามกำไรไตรมาสสามและไตรมาสสี่ของปีนี้เท่านั้น แต่ยังมองล่วงหน้าไปถึงช่วงครึ่งแรกของปีหน้าที่คาดว่าจะเริ่มมีความท้าทายต่อบริษัทเพราะว่าเมื่อถึงเวลานั้นบริษัทจะต้องเจอการเปรียบเทียบกับช่วงที่บริษัทโตอย่างรุนแรงเมื่อมีการระบาดของไวรัสโคโรนาและมีการทำงานจากบ้านเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้วัคซีนโควิด-19 คงจะได้ใช้แน่ในปีหน้า หลังจากที่ทั้งไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค โมเดอร์นาและแอสตราเซเนกา เผยว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพเกินกว่า 50% ที่ทางการสหรัฐฯ จะรับได้แล้ว
ในขณะเดียวกัน บริษัทน่าจะเจอกับการแข่งขันมากขึ้นจากไมโครซอฟต์และกูเกิล ที่ได้ออกมาโปรโมทผลิตภัณฑ์วิดีโอ-คอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อเร็ว ๆ นี้และได้ตั้งราคาข่มขวัญคู่แข่งอย่างดุดัน
แม้ว่าเคลลี สเตเคลเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของซูมยังคงมองในมุมบวกต่อแนวโน้มของบริษัท แต่ก็ได้เตือนนักลงทุนว่า ยังไม่รู้อีกมากว่าผลกระทบของโควิด-19 และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องจะเป็นเช่นไร คนทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็ก อาจจะเลิกใช้โปรแกรมซูมเมื่อชีวิตกลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็คาดว่า การทำงานทางไกลจะยังคงเป็นเรื่องปกติกว่าที่มันเคยเป็น
แม้ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจของซูมเมื่อคนเริ่มกลับไปทำงานในสำนักงาน แต่ก็พอจะเข้าใจได้ที่หุ้นปรับตัวลงทั้งที่ทั้งกำไรและรายได้โต …มันเป็นสัจธรรมที่ทุกบริษัทต้องยอมรับว่า มันยากที่จะทำตามการคาดหวังของนักลงทุนได้ หลังจากที่หุ้นดีดตัวสูงเป็นประวัติการณ์อย่าง “ซูม”