SCN มองแนวโน้มผลงานโตแกร่ง เน้นเปิดเกมรุกทุกธุรกิจ ขยายกำลังผลิตไฟฟ้า-ก๊าซธรรมชาติ

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก พบปะนักลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563

โดย นางสาวยุกานดา วิทยานันท์ นักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยยังคงสามารถประคองผลประกอบการในส่วนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติได้ภายใต้สถานการณ์การชะลอตัวของ NGV และ COVID-19 หนุนด้วยการรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้ามินบู และ SAP

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต บริษัทวางเกมรุกในทุกประเภทธุรกิจ ไฮไลต์สำคัญได้แก่ การดำเนินธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เสริมความมั่นใจเกี่ยวกับโครงการมินบู จะเป็นไปตามแผนและแล้วเสร็จทั้ง 4 เฟสภายในปี 2565 แน่นอน คาดการณ์สร้างรายได้โดยรวมที่ 45 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสร้างเสร็จ และ SCN จะได้รับรู้กำไรจากโครงการ 40%

อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการในบริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด หรือ SAP ที่บริษัทเข้าไปลงทุน ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้า 110 MW ภายในปี 2023 เมื่อสร้างเสร็จและ COD ครบ SAP จะรับรู้รายได้ราว 380 ล้านบาท และ SCN จะได้รับรู้กำไรจากโครงการ 53.5% ซึ่งโครงการของ SAP เน้นการเข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการ และ/หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายจากการใช้ไฟฟ้าในการดำเนินงานพร้อมกับช่วยชะลอการเกิดปัญหาทางสิ่งแวดล้อม ซึ่ง SCN ส่ง SAP เข้าไปช่วยตอบโจทย์ดังกล่าวให้กับกลุ่มลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ SCN เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้ แม้จะมีการชะลอตัวลงบ้างตามสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่ SCN ยังคงเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่หลายองค์กรมองเป็นเบอร์หนึ่งและต้องการร่วมงานด้วย ฉะนั้นเราจึงไม่หยุดเดินเกมส์รุกเพื่อคว้าสัญญาการดำเนินงานใหม่ๆมาเพิ่มให้กับบริษัท ซึ่งด้านการจำหน่าย iCNG ยังถือว่าเป็นจุดที่เป็น Upside Potential ให้กับบริษัทได้อยู่ ผนวกกับเรายังมีสัญญากับ ปตท. ในการผลิตก๊าซ NGV อยู่ SCN จึงยังคงมีรายได้ในส่วนนี้อย่างมั่นคงและระยะยาว

ขณะที่ธุรกิจยานยนต์เอง SCN ในนามผู้ลงทุนหลักใน บริษัท แพนเทอรา มอเตอร์ จำกัด ผู้นำเข้ารถมินิบัสแบรนด์ Bonluck หรือ BLK จากประเทศจีน เตรียมกลับมารุกตลาดอีกครั้ง หลังจากไทยกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 และสามารถเดินทางไปประเทศจีนเพื่อนำรถเข้ามาขายในประเทศได้ ด้วยคุณภาพที่โดดเด่นและราคาที่จับต้องได้ คาดว่าจะทำให้ BLK จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลบวกต่อภาคธุรกิจยานยนต์ของบริษัทในอนาคต