พาราสาวะถี
คำถามที่สำคัญหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็คือ “รอดแล้วไงต่อ” ยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้สูงส่งขึ้น รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมากอย่างนั้นหรือ คิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ในทางกลับกันมีกระแสเสียงในเชิงค่อนขอดเสียด้วยซ้ำไปว่าคนหนึ่งรอดแต่ฝ่ายที่ชี้ชะตาเสื่อมลงต่อเนื่อง นี่คือความจริงขององค์กรอิสระนับตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนกระทั่งเลวร้ายลงเข้าอีกหลังการยึดอำนาจ เพราะจะถามหามาตรฐานในกระบวนการตัดสินหลายกรณีมีแต่คนส่ายหน้า
อรชุน
คำถามที่สำคัญหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็คือ “รอดแล้วไงต่อ” ยกระดับคุณธรรม จริยธรรมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้สูงส่งขึ้น รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมากอย่างนั้นหรือ คิดว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น ในทางกลับกันมีกระแสเสียงในเชิงค่อนขอดเสียด้วยซ้ำไปว่าคนหนึ่งรอดแต่ฝ่ายที่ชี้ชะตาเสื่อมลงต่อเนื่อง นี่คือความจริงขององค์กรอิสระนับตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 จนกระทั่งเลวร้ายลงเข้าอีกหลังการยึดอำนาจ เพราะจะถามหามาตรฐานในกระบวนการตัดสินหลายกรณีมีแต่คนส่ายหน้า
กรณีนาฬิกายืมเพื่อนคือความเสื่อมอย่างแท้จริงขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการทุจริต ตามมาด้วยสารพัดปัญหาจากการตีความขององค์กรที่บริหารจัดการเลือกตั้ง ล่าสุด ก็มีประเด็นตั้งกรรมการสอบคณะก้าวหน้ามีพฤติกรรมเหมือนพรรคการเมืองเพื่อเอาผิดตามคำร้องของ ศรีสุวรรณ จรรยา ในจังหวะที่การเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหรืออบจ.กำลังเข้าสู่โหมดเข้มข้น นั่นย่อมส่งผลต่อความได้เปรียบเสียเปรียบในสนามการแข่งขัน เช่นนี้แล้ว มันอาจส่งผลดีต่อขบวนการสืบทอดอำนาจแต่ไม่ได้สร้างการยอมรับจากฝ่ายที่ต่อต้านแต่อย่างใด
เห็นได้จากหลังคำวินิจฉัยปมบ้านพักหลวง การชุมนุมของคณะราษฎรที่ห้าแยกลาดพร้าวผู้คนก็แห่แหนไปร่วมกันอย่างเนืองแน่น ขณะที่ฝ่ายหัวขบวนก็ประกาศหนักแน่นจากนี้ไปเส้นทางการต่อสู้จะเข้มข้นขึ้นต่อเนื่อง ส่วนปลายทางจะจบลงอย่างไรไม่มีใครทราบได้ ในขณะที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจก็ไม่ได้อินังขังขอบต่อเสียงต่อต้านเหล่านี้ แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน ด้านหนึ่งก็ทำไอโอด้อยค่าฝ่ายเคลื่อนไหวไป ส่วนรัฐบาลก็คิดแต่การแจกการหว่านเม็ดเงินเพื่อเป็นการซื้อคะแนนนิยมล่วงหน้าไปเรื่อย ๆ
สุดท้าย เราอาจจะได้เห็นม็อบที่เคลื่อนไหวกันยาวนานไปตลอดอายุของรัฐบาลเรือเหล็กจนครบวาระ แล้วก็ไปเลือกตั้งกันใหม่ หากสถานการณ์ยังดำเนินไปในลักษณะเช่นนี้ เพราะแต่ละฝ่ายก็ไม่มีประเด็นเด็ดอะไรจะมาน็อคฝ่ายตรงข้ามได้ แน่นอนว่า ความขัดแย้งทางการเมืองหรือเรื่องของการอยู่ในอำนาจของคนที่สืบทอดอำนาจนั้น บางทีบทจะสะดุดขึ้นมาก็ไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่ มีประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้พังพาบได้ ประวัติศาสตร์ในอดีตของคณะเผด็จการมีให้ศึกษา นั่นหมายความว่า ทุกย่างก้าวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงต้องเต็มไปด้วยความรัดกุม
อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นวิธีคิดและการอธิบายของมือกฎหมายข้างกายของท่านผู้นำแล้ว ต้องยอมรับกันว่าโอกาสที่จะถูกเชือดจากหนทางนี้นั้นเป็นไปได้ยาก ขณะที่มีการวางกลไกโดยเฉพาะตัวบุคคลในองค์กรสำคัญไว้หมดแล้ว ไม่ใช่แค่การแต่งตั้งกันขึ้นมาด้วยองคาพยพที่ตัวเองเลือกมาเอง ยังมีเรื่องของบุญคุณที่เคยต่ออายุให้อยู่กันมายาว ๆ ก่อนหน้า ช่องทางเหล่านี้จึงเอื้อให้กับผู้สืบทอดอำนาจอย่างเต็มที่ แต่ท้ายที่สุดหากการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนยังย่ำอยู่กับที่ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ตอนนี้กลับมาเขย่าขวัญสั่นประสาทกันอีกรอบ นี่คือเผือกร้อนงานหนักที่รัฐบาลอำนาจสืบทอดยังไม่รู้จะแก้ไขกันยังไง
ปมการพบหญิงสาวติดโควิด-19 ที่ลักลอบเข้าประเทศตามช่องทางธรรมชาติทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายนั้น น่าคิดว่ามันปิดลับจนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถสืบรู้เลยหรือว่ามีการกระทำในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ขากลับเข้าประเทศเท่านั้น หากแต่ขาออกไปท่าขี้เหล็ก ฝั่งพม่า ถามว่าเดินทางกันไปยังไงในเมื่อมีการคุมเข้มช่องทางที่ถูกกฎหมาย และก็รู้กันอยู่แล้วว่าประเทศเพื่อนบ้านนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร เรื่องการจับพวกที่แอบพาคนเข้าประเทศนั้นน่าจะเป็นการแก้เกี้ยวหลังเกิดเหตุเสียมากกว่า
อย่าอ้างเลยว่าเพราะช่องทางธรรมชาติมันมีอยู่มาก แต่การลักลอบในพื้นที่นั้นไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะไม่รู้ ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องมีการตรวจสอบช่องทางที่จะผ่านกันเข้ามาได้ และตามตะเข็บชายแดนที่สุ่มเสี่ยงนั้น หากไม่มีการป้องกันอะไรเลย ก็น่าคิดเหมือนกันว่าทำไมถึงมักง่ายกันได้ถึงเพียงนี้ ส่วนเหตุผลของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่อ้างว่า เหตุมีการลักลอบเข้าประเทศเพราะเจ้าหน้าที่ชายแดนที่ดูแลส่วนนี้ถูกนำเข้ามาช่วยสนับสนุนการควบคุมการชุมนุม ก็เป็นเหตุผลที่บ้องตื้นและฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ฟากคนที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรงอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นอกจากการกล่าวโทษและโจมตีพวกที่นำเชื้อเข้ามาในประเทศแล้ว ถามว่าเกิดประโยชน์อะไร คนส่วนใหญ่นั้นเห็นใจบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำประเด็นดังกล่าวเพราะรู้กันอยู่แล้วว่านี่คือความไม่รับผิดชอบของคนเหล่านี้ สิ่งที่สมควรทำอย่างมากสำหรับผู้ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคือ ยืนยันว่ากระบวนการที่ได้สอบสวนโรคและเฝ้าระวังนั้นจนถึงเวลานี้ยังคงสามารถไว้วางใจได้หรือไม่
พอเห็นการกระจายตัวของคนที่มักง่ายเหล่านั้นไปตามจังหวัดต่าง ๆ แล้วต้องยอมรับว่า “ไม่น่าไว้วางใจ” เพราะมากกว่าหนึ่งคนมีพฤติกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมคือ การเดินทางไปในที่สาธารณะไม่ได้มีการสวมหน้ากาก เมื่อมีเชื้อที่ตรวจพบว่าอยู่ในภาวะที่รุนแรง เชื่อได้อย่างไรว่ามีการสวบสวนครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงได้ทั้งหมดโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสูง ตอนนี้อาจบอกได้ว่ายังไม่ได้เข้าสู่การระบาดในระลอกที่สองหรือเป็นการระบาดอย่างรุนแรง ซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่เชื่อได้ว่าปลอดภัยในระดับสูงหรือไม่ ไม่มีใครกล้ายืนยัน
จนเริ่มมีข้อสงสัยกันว่าหรือจะใช้เหตุการณ์พบผู้ติดเชื้อหนนี้ นำไปสู่การออกมาตรการเพื่อที่จะกระทบชิ่งไปยังการชุมนุมของคณะราษฎร พอฟังบทสัมภาษณ์ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่บอกถึงความเป็นไปได้ในการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ให้มีการชุมนุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้หรือไม่ว่า สื่อช่วยไปบอกเขาว่ามีพ.ร.ก.อยู่และไม่ให้ชุมนุมก็ขอความร่วมมือไม่มาชุมนุม นี่ย่อมเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่า อนาคตอันใกล้นี้อาจจะมีมาตรการใกล้เคียงกับการล็อกดาวน์อีกครั้งหรือไม่ แต่นั่นเท่ากับว่าต้องยอมรับสภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในภาวะหายนะชนิดกู่ไม่กลับ
ผลพวงจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปมบ้านพักหลวงนั้น หากจะหามุมที่ทำให้คิดแล้วไม่เครียด ฟัง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แล้วมองเห็นภาพเพราะอดีตเจ้าพ่ออ้างได้โพสต์เฟซบุ๊กแล้วนำกรณีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ และกรณีการยืมนาฬิกาเพื่อนมาเปรียบเทียบ มีบทสรุปคือ “กฎหมายพิเศษใช้กับคนพิเศษที่ขี้ลืมเท่านั้น แม้แต่นาฬิกาที่ใส่ข้อมือก็ลืมคืนเพื่อน หรือบ้านที่นอนอยู่ทุกวันก็ลืมคืนหลวง งานของพวกท่านคงยุ่งพิลึกจริง ๆ” แต่ความจริงก็คือคนที่งานชุกและต้องคอยพลิกแพลงข้อกฎหมายให้สังคมงุนงงกันหลายตลบก็คือศรีธนญชัยรอดช่องนั่นเอง
ความโชคดีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและขบวนการอีกด้านหนึ่งคงเป็นความไม่เป็นเอกภาพของพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ภาพชัดจากการนำทีมไขก๊อกของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่วันนี้ยังมีคำถามว่าเป็นการจากกันด้วยดีเป็นการดำเนินตามยุทธวิธีแตกแบงก์พันแยกกันโตหรือแตกกันจริง ๆ ยังมีปมเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ.ที่เชียงใหม่ที่ถือเป็นเหมือนเมืองหลวงของพรรคนายใหญ่โดยที่ฟากเพื่อไทยนั้นส่ง พิชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีตส.ว.ลงชิงชัยขับเคี่ยวกับ บุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายกอบจ.ที่ถูกถีบส่งพ้นพรรคด้วยข้อกล่าวหาฝักใฝ่หรือไปหนุนพรรคสืบทอดอำนาจ
แต่กลับเกิดภาพ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ไปช่วยบุญเลิศหาเสียง พร้อมซัดกลับพรรคนายใหญ่ว่าไม่ให้ความเป็นธรรมกับบุญเลิศ และเกิดการตอบโต้กันไปมา ล่าสุด ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับออกโรงเอง เขียนจดหมายถึงคนเชียงใหม่ขอคะแนนเสียงให้ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ปรากฏการณ์เหล่านี้มันคือภาพการแตกคอขององคาพยพที่จะต่อสู้กับขบวนการสืบทอดอำนาจ พอขัดคอกันแบบนี้อีกฝ่ายก็ลูบปาก เพราะแทนที่จะต้องสู้รบสองทางก็เหลือแค่จัดการกับคณะราษฎรเท่านั้น นี่แหละที่คนจำนวนไม่น้อยมีคำถามว่าท่านผู้นำมีของดีอะไร