‘ผู้ถือหุ้น’ ร่วมรักษ์โลก
สถิติอุณหภูมิโลก การละลายของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ไฟป่า เฮอร์ริเคน และอุทกภัย ล้วนเป็นหลักฐานที่ชี้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศทั้งสิ้น แม้ว่าบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการตั้งเป้าหมายที่จะลดก๊าซเรือนกระจก หรือลดคาร์บอนให้ได้เท่านั้นเท่านี้ภายในปีนั้นปีนี้ แต่ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากพอและหลายบริษัทยังไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีกระแสกดดันระลอกใหม่ที่จะให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์มีเสียงเกี่ยวกับแผนการหรือกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับสภาวะอากาศ
กระแสโลก : ฐปนี แก้วแดง
สถิติอุณหภูมิโลก การละลายของน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติก ไฟป่า เฮอร์ริเคน และอุทกภัย ล้วนเป็นหลักฐานที่ชี้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศทั้งสิ้น แม้ว่าบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการตั้งเป้าหมายที่จะลดก๊าซเรือนกระจก หรือลดคาร์บอนให้ได้เท่านั้นเท่านี้ภายในปีนั้นปีนี้ แต่ในความเป็นจริงก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากพอและหลายบริษัทยังไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีกระแสกดดันระลอกใหม่ที่จะให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์มีเสียงเกี่ยวกับแผนการหรือกลยุทธ์ที่เกี่ยวกับสภาวะอากาศ
การเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์มีเสียงเกี่ยวกับแผนการเกี่ยวกับสภาวะอากาศ เริ่มต้นมาจากการรณรงค์ที่ใช้ชื่อว่า “Say on Climate” ของเศรษฐีอังกฤษ “คริส ฮอห์น” เพื่อบีบให้บริษัทให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์มีเสียงในเรื่องนี้มากขึ้น
และเมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน มาร์ค คาร์นีย์ ทูตด้านสภาวะอากาศของสหประชาชาติ ก็ได้ออกมาสนับสนุน การเรียกร้องของนักลงทุนที่ต้องการให้บริษัทต่าง ๆ ส่งกลยุทธ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้ผู้ถือหุ้นลงมติในการประชุมประจำปี
การตื่นตัวใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ทำให้บริษัท เอ็กซ์ซอน โมบิล ตกเป็นเป้าล่าสุด นักลงทุนแอคติวิสต์ และกองทุน CalSTRS ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนบำนาญรายใหญ่สุดของอเมริกา ได้ประกาศแผนการที่จะถอนการลงทุนในหุ้นก๊าซและน้ำมันในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน แบล็กร็อก ซึ่งเป็นผู้จัดการเงินรายใหญ่สุดของโลก ก็ได้ปรับนโยบายในการเกี่ยวพันกับบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนใหม่ โดยมีแนวโน้มมากขึ้นที่แบล็กร็อก จะโหวตให้บริษัทที่เข้าไปลงทุน ทำตามมติของผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับแผนการด้านสภาวะอากาศ
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของแบล็กร็อก อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาและไม่แตกต่างมากจากการเคลื่อนไหวของบริษัทอื่น ๆ ในตลาด แต่แผนการของผู้จัดการกองทุนที่มีมูลค่าถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ ก็แสดงให้เห็นว่า เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
มินดี ลับเบอร์ ซีอีโอและประธาน เซเรส ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรและเน้นความยั่งยืนที่ได้ทำงานกับนักลงทุนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ กล่าวว่า ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้มา 20 ปี แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่เหมือนกับที่เราได้เห็นมาก่อน
จากข้อมูลของเซเรส กลุ่มนักลงทุนที่บริหารสินทรัพย์ซึ่งมีมูลค่ารวมกัน 9 ล้านล้านดอลลาร์ ได้สัญญาว่า จะลงทุนตามเป้าหมายในการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์
แม้ว่า แบล็กร็อกไม่ได้เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรนักลงทุนที่สนับสนุนการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ แต่การที่แบล็กร็อกตัดสินใจปรับนโยบายในการลงทุนใหม่ ก็น่าจะมีอิทธิพลต่อนักลงทุนและบริษัทอื่น ๆ เนื่องจากว่าแบล็กร็อกถือหุ้นในทุกบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ข้อมูลใหม่ชี้ว่า แบล็กร็อกได้เปลี่ยนนโยบายในการลงคะแนนเกี่ยวกับข้อเสนอของผู้ถือหุ้นแล้ว โดย นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีนี้ แบล็กร็อกได้สนับสนุนข้อเสนอของผู้ถือหุ้นที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมไป 8 เรื่องจากจำนวน 9 เรื่อง หากมีการสนับสนุนเช่นนี้ต่อไปก็จะทำลายสถิติในอดีต
รายงานของแบล็กร็อกได้สรุปไว้ว่า มติที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 30% มีผลให้ฝ่ายบริหารทำการเปลี่ยนแปลงตามคำขอของผู้ถือหุ้นแม้ว่าจะไม่ได้ทำตามทั้งหมด ส่วนมติที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น 50% หรือมากกว่านี้ บริษัทมักทำตามการคาดหวังอย่างเต็มที่มากกว่า 90%
การขยับของนักลงทุนรายใหญ่อย่างเช่น แบล็กร็อก ได้ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ เริ่มขยับตามบ้างแล้ว โดยล่าสุด ยูนิลีเวอร์ ได้ประกาศว่า จะให้ผู้ถือหุ้นลงมติเกี่ยวกับแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท ในการประชุมประจำปีวันที่ 5 พฤษภาคมปีหน้า
นี่ถือเป็นบริษัทบลูชิพรายแรกที่ให้อำนาจนักลงทุนเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านสภาวะอากาศ ผู้ถือหุ้นของยูนิลีเวอร์จะได้ลงมติเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ เช่น แผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการดำเนินงานให้เหลือศูนย์ภายในปี 2573 และลดผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่จะมีต่อสิ่งแวดล้อมลงครึ่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) คู่แข่งของยูนิลีเวอร์ ก็ได้เจอการปฏิวัติเกี่ยวกับความพยายามเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศเช่นกัน โดยผู้ถือหุ้นได้ลงมติสนับสนุนข้อเสนอที่จะให้บริษัทมีความโปร่งใสมากขึ้นว่าจะลดการตัดไม้ทำลายป่าอย่างไรและน้ำมันปาล์มที่บริษัทใช้มีที่มาอย่างไร
เชื่อว่า กระแสกดดันจากผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ น่าจะเพิ่มมากขึ้นและกระจายไปในวงกว้างมากขึ้น บริษัทน่าจะต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้เอาไว้หากอยากได้เงินทุนจากกองทุนหรือนักลงทุนรายใหญ่ของโลก