พาราสาวะถีอรชุน
เป็นอันว่าจบข่าวสำหรับกรณีการถอดยศพันตำรวจโทของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จรดปากกาเซ็นอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องดำเนินการต่อ งานนี้ย้ำกันมาชัดหลังเสร็จสิ้นกระบวนการไม่ต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นอันว่าจบข่าวสำหรับกรณีการถอดยศพันตำรวจโทของ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.จรดปากกาเซ็นอนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องดำเนินการต่อ งานนี้ย้ำกันมาชัดหลังเสร็จสิ้นกระบวนการไม่ต้องมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ยังไม่วายออดอ้อนหวังว่าประชาชนและสังคมจะเข้าใจ ทุกอย่างดำเนินการไปตามตัวบทกฎหมายทุกขั้นตอน ก็ไม่รู้ว่าจะกลัวใครเข้าใจผิดหรือเกรงว่าจะถูกฟ้องร้องในภายหลัง คงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เมื่อคนที่ถูกดำเนินการคือทักษิณเชื่อขนมกินได้เลย คดีความทุกอย่างสำหรับฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามจะอยู่รอดปลอดภัยทุกราย
มาถึงนาทีนี้นายใหญ่อาจจะเจ็บจี๊ดหัวใจเล็กๆ แต่หากมองในแง่ของการเกาะกุมคะแนนสงสารจากฝ่ายสนับสนุนแล้วถือว่าคุ้มค่า ต้องไม่ลืมการเลือกตั้งเมื่อปี 2550 หลังการยึดอำนาจของคมช.และเลือกตั้ง 2554 หลังรัฐบาลเทพประทานที่ไปตั้งกันในค่ายทหาร เหตุใดพรรคพลังประชาชนและเพื่อไทยจึงชนะด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย
ประเด็นนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของประเทศอาจจะเรียกว่าเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วของผู้มีอำนาจที่หยิบยกมาดำเนินการในช่วงจังหวะขาลงเสียมากกว่า งานหนักและเหนื่อยที่รอชี้ชะตากันอีกไม่กี่วันคือร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยเสี้ยวใบต่างหาก บทสรุปจากที่ประชุมสปช.จะผ่านหรือคว่ำไม่ให้ไปต่อ ดูจากแนวร่วมของ วันชัย สอนศิริ ที่เริ่มเปิดตัวกันในช่วงโค้งสุดท้ายแล้วไม่ธรรมดา
เดิมทีเข้าใจว่าเสียงจะนอนมาแบบใสๆ ถึงขั้นคาดหมายกันว่าน่าจะได้เกิน 220 จากจำนวนสปช. 249 ราย แต่พอได้เห็นสภาพของร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายกันแล้ว เล่นเอาหงายเงิบกันเป็นแถว พวกที่เชลียร์หวังจะให้ผ่านเพื่อเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงก็หลับหูหลับตาโพนทะนาไปว่างานนี้ไม่มีปัญหา แต่พอใกล้เวลาโหวตหลังการศึกษาข้อมูลกันเรียบร้อยแล้ว สปช.หลายรายต่างส่ายหัวเพราะกฎหมายสูงสุดฉบับนี้มันคือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง
ประเด็นที่หนักใจกันมากที่สุดหนีไม่พ้นคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติหรือคปป. เพราะมีอำนาจล้นปฐพี วิถีของงานที่ทำกันโดยอ้างว่าเพื่อผ่าทางตันวิกฤติของประเทศนั้น มันคือเผด็จการเป็นโปลิตบูโรในระบอบคอมมิวนิสต์ดีๆ นี่เอง ไม่ใช่แค่จะมีอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติหรือรัฐบาลจากการเลือกตั้งเท่านั้น
มองกันว่าอาจจะมีบารมีเหนือกว่าองค์กรที่จะต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งความยุติธรรมและเป็นกลางทั้งหลายแหล่ไปเสียอีก มิหนำซ้ำ จากที่สับขาหลอกว่าคปป.จะอยู่ในตำแหน่งแค่ 5 ปีแต่กลับทิ้งติ่งไว้ว่าสามารถต่ออายุไปได้อีกหากสถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย
เท่ากับว่าถ้าเขียนรัฐธรรมนูญกันแบบนี้ ไม่ต้องมีเลือกตั้งเสียดีกว่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลายเป็นว่าไม่เฉพาะแต่กลุ่มต่อต้านไม่เอารัฐประหารเท่านั้นที่จ้องจะล้มร่างรัฐธรรมนูญ พรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคใหญ่บางพรรคที่แทงกั๊กหวังว่าจะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายสูงสุดของคณะรัฐประหารชุดนี้ ก็พาลได้รับผลกระทบไปด้วย จึงอยู่เฉยแอบเชียร์ผู้มีอำนาจเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้
เช่นเดียวกันกับพรรคการเมืองขนาดกลางและเล็กที่หวังจะเป็นตัวแปร ใช้ยุทธวิธีเสียบเพื่อชาติหลังการเลือกตั้ง ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสารพัดลูกเล่นในร่างรัฐธรรมนูญ จึงกลายเป็นแนวร่วมต่อต้านกันไปโดยปริยาย ดังนั้น ต้องย้ำอีกรอบว่าการออกมาแถลงข่าวของ สุเทพ เทือกสุบรรณ จึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้สปช.มีข้ออ้างในการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโดยชอบธรรม
มาถึงขั้นนี้แล้ว หากปล่อยผ่านแล้วไปลุ้นในขั้นตอนการทำประชามติโอกาสที่จะถูกคว่ำนั้นมีสูง แม้ว่าผู้กุมอำนาจจะมีแผนการในการสับขาหลอกอย่างไรก็ตาม ดังนั้น การเลือกใช้บริการสปช.จึงน่าจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะได้ทั้งขึ้นทั้งล่องคือ มีคณะกรรมการยกร่างขึ้นมาใหม่จำนวน 21 คนเขียนรัฐธรรมนูญกันใหม่ตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว
ขณะเดียวกัน สปช.ก็จะแปรสภาพเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งจะเป็นผลดีมหาศาลต่อผู้มีอำนาจ เรียกได้ว่าเป็นการอยู่ต่อแบบชอบธรรมอีกทางหนึ่งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ผ่านกระบวนการแก้ไข โดยที่ไม่ต้องไปหวังให้ประชาชนมารับรองผ่านการทำประชามติ ในสถานการณ์ยามนี้ยังวางใจได้ว่า คนส่วนใหญ่ยังพึงพอใจกับมาตรการกดทับที่ไม่ให้คู่ขัดแย้งออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่
แต่จะพูดอย่างนั้นเสียทีเดียวก็ไม่ได้ ผลพวงจากการที่คสช.อนุญาตให้เทพเทือกแถลงข่าว วันนี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.มอบหมายให้ ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช.ไปยื่นหนังสือขออนุญาตจากคสช.เพื่อขอจัดการแถลงข่าวโดยใช้ชื่อเดียวกับที่แกนนำกปปส.ใช้ รวมไปถึงรูปแบบทั้งหมดก็ยึดแนวทางเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ใช้หากต้องเป็นแห่งเดียวกับเทพเทือกก็พร้อมจะไปเช่า การจัดห้อง จัดโต๊ะแถลงข่าว ดอกไม้ประดับและการแต่งเนื้อแต่งตัวจตุพรก็บอกว่าจะให้เหมือนแกนนำกปปส.ทุกประการ ต้องรอดูว่าผู้คุมกฎจะออกลูกติ๊ดชึ่งหรืออธิบายต่อสังคมอย่างไรหากไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายหนึ่งแสดงความคิดเห็น นี่จะเป็นบทพิสูจน์ว่า ผู้มีอำนาจเป็นกลางจริงหรือไม่
การจับกุมตัวชายต้องสงสัยล่าสุดที่ด่านชายแดนสระแก้ว ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะเชื่อมโยงความเกี่ยวพันกันอย่างไร ท้ายที่สุดสิ่งที่หลายฝ่ายเป็นห่วงก็คือ มีการสอดรับกับกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับจีนหรือไม่ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเรากำลังจะเผชิญกับขบวนการก่อการร้ายอีกกลุ่มหนึ่ง หากแต่ตามข้อมูลมันเป็นเรื่องของความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ โดยที่ไม่น่าจะมีแค่กลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้เท่านั้น มันต้องมีคนไทยเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องสาวกันต่อไปว่าเป็นคนกลุ่มไหน ระดับใด