ระเบิดภูเขาเผาคอนเสิร์ต
ผู้ว่าฯ โคราชสั่งยกเลิกคอนเสิร์ต Big Mountain โดยอ้างแออัด คนดูไม่ใส่หน้ากาก ตะโกนร้องเพลง ไม่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด ซ้ำยังดำเนินคดีเมื่อไม่เลิกตามกำหนด
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
ผู้ว่าฯ โคราชสั่งยกเลิกคอนเสิร์ต Big Mountain โดยอ้างแออัด คนดูไม่ใส่หน้ากาก ตะโกนร้องเพลง ไม่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด ซ้ำยังดำเนินคดีเมื่อไม่เลิกตามกำหนด
รัฐบาลประสานเสียง ไม่เกี่ยวการเมือง อย่างที่ชาวม็อบสงสัย เพราะแม้ “แอมมี่” ไม่ไป ก็ยังมีบางวงชูสามนิ้ว มีเป็ดเหลือง มีนักดนตรีใส่เสื้อ “สศจ.” รวมทั้งมีบางวงร้องเพลง “One Two Three Four Five… I Here Too” ดังลั่น (ซึ่งยิ่งดังสนั่นหวั่นไหวด้วยความไม่พอใจหลังถูกสั่งให้เลิก)
แอมมี่บอกด้วยว่า ที่เขาไม่ไป เพราะได้ข่าวว่า ถ้าไปจะโดนปล่อยข่าวมีคนติดโควิด ทำให้ผู้จัดเดือดร้อน (ซึ่งไม่ใช่พูดหลังเหตุการณ์ เพราะมีแกนนำบางคนโพสต์มาก่อนแล้ว)
โลกออนไลน์ยกภาพมาเปรียบเทียบมากมาย เช่น งานกาชาดที่อุดร ที่อยุธยา ซึ่งอนุทินไปเปิดงานเอง ก็แออัดเหมือนกัน ที่ปากช่องมีงานฤดูหนาว ผู้ว่าฯ โคราชไปเปิดเย็นวันนั้น ฯลฯ ทุกงานมีดนตรีมีออกร้านมีอาหาร (ซึ่งต้องถอดหน้ากากกิน) ทำไมไม่สั่งปิด (ผู้หลักผู้ใหญ่เช่น อนุทิน ผู้ว่าฯ ก็มีภาพไม่ใส่หน้ากาก แต่อ้างว่าถอดเฉพาะตอนถ่ายภาพ)
ก็น่าคิดว่าอำนาจรัฐอาจไม่พอใจที่มีการแสดงออกทางการเมือง แต่มองอีกมุม (อย่างให้ความเป็นธรรม) พวกเขาอาจไม่คิดเรื่องการเมืองก็ได้ แต่ทัศนะจัดการโควิดของรัฐราชการ ก็คือสั่งปิดกันง่าย ๆ เช่นนี้เอง โดยไม่ต้องคำนึงว่าผู้จัดงานจะฉิบหายอย่างไร คนที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลจะผิดหวังไม่พอใจอย่างไร (one two three four five…)
ไม่ต่างอะไรกับตั้งตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนน โดยไม่คำนึงว่าใครจะเดือดร้อน
ถ้าไล่ลำดับเหตุการณ์ คือมีข่าวคนเดินทางมาจากเชียงใหม่ 8 คน หญิงวัย 43 ป่วยเข้าโรงพยาบาลต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แล้วก็เกิดความแตกตื่นกันไปทั่วว่าอาจติดโควิด แม้อธิบดีกรมควบคุมโรคยืนยันภายหลัง ไม่พบเชื้อ ไม่ได้ไปคอนเสิร์ต ก็ยังกลับมาพาดพิงว่ามาตรการป้องกันไม่รัดกุม
ถามว่าถ้าไม่มีข่าวตื่นตูมกันไปทุกกลุ่มไลน์สูงวัย (จากกรุงเทพฯ ถึงหนองคาย) จะมีการสั่งยกเลิกไหม ก็น่าจะไม่
ดูเหมือนพอมีความตื่นตระหนก ทั้งฝ่ายปกครองฝ่ายสาธารณสุข ก็คิดว่าสั่งเลิกไปดีกว่า ง่ายดี เดี๋ยวมีอะไรพลาดพลั้งจะพลอยซวย อำนาจฉุกเฉินอยู่ในมือกลัวอะไร คัดค้านไม่ได้ ฟ้องก็ไม่ได้
โดยอาจผนวกกับทัศนคติเชิงลบ ต่องานคอนเสิร์ต งานปาร์ตี้ พวกวัยรุ่น กินเหล้ากินเบียร์แหกปากร้องเพลงไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ปิดมันเสียเถอะ ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่เหมือนงานกาชาด ราชการจัดเอง ได้เงินเข้าจังหวัด (คุณนายผู้ว่าฯ เป็นนายกเหล่ากาชาด แน่จริงลองสั่งปิดสิ)
ทัศนะเหล่านี้เห็นมาตลอดในการปราบโควิด ที่คุยนักคุยหนาว่าได้ผล คือใช้อำนาจสั่งชัตดาวน์แบบเกินจำเป็น สั่งห้ามขายเหล้าเบียร์ สั่งเคอร์ฟิว ทั้งที่โควิดไม่ได้หากินตอนกลางคืน แต่เป็นผลงานให้ใช้อำนาจขึงขัง ติดโควิดห้าพัน จับคนไปขังเกินห้าหมื่น
เป็นวิธีคิดแบบทหาร ระเบิดภูเขาเผากระท่อมเพื่อฆ่ายุง ซ้ำยังโทษประชาชน โดยวัยรุ่นเด็กแว้นไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง ทั้งที่ซูเปอร์สปรีดเดอร์เกิดจากเวทีมวยทหาร มีความวิตกตื่นตูมอะไรก็สั่งปิดโรงเรียนก่อนเพื่อน เพราะง่ายดี เด็กไม่กล้ามีปากเสียง
นี่ยังขำว่าทำไมไม่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปราบฝุ่นไปพร้อมกัน เพราะรัฐบาลจนปัญญา ทำอะไรไม่ได้ เที่ยวมาเรียกร้องให้ประชาชนงดใช้รถ ใช้ขนส่งสาธารณะ จะสั่งตำรวจให้จัดจราจรลื่นไหล ให้รถติดน้อยลง
วิธีคิดวิธีจัดการปัญหาอย่างนี้ จึงโดนไล่ คอนเสิร์ตเกี่ยวการเมืองหรือไม่ โปรดอย่าถาม ตรงไหนมีคนรุ่นใหม่ ชูสามนิ้วลามไปทั้งหมด