สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ธ.ค. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 16 ธ.ค. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศษฐกิจที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนกว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,154.54 จุด ลดลง 44.77 จุด หรือ -0.15% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,658.19 จุด เพิ่มขึ้น 63.13 จุด หรือ +0.50% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,701.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.55 จุด หรือ +0.18%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของยุโรป, ความหวังเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) และความเป็นไปได้ที่จะมีการแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในทวีปยุโรปก่อนปีใหม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.82% ปิดที่ 396.08 จุด

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,547.68 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,565.98 จุด เพิ่มขึ้น 203.11 จุด หรือ +1.52% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,570.91 จุด เพิ่มขึ้น 57.59 จุด หรือ +0.88%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,570.91 จุด เพิ่มขึ้น 57.59 จุด หรือ +0.88%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 47.82 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 51.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 2 อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาด

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,859.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 40.8 เซนต์ หรือ 1.66% ปิดที่ 25.052 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.9 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,035.4 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 24.20 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,348.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับใกล้ 0% และประกาศเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนกว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.03% แตะที่ 90.4500 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.61 เยน จากระดับ 103.69 เยน แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8871 ฟรังก์ จากระดับ 0.8854 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2754 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2696 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2164 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2157 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3478 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3429 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7563 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7556 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button