สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 22 ธ.ค. 2563

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 22 ธ.ค. 2563


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยปัจจัยลบเหล่านี้ได้บดบังข่าวดีจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,015.51 จุด ลดลง 200.94 จุด หรือ -0.67% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,687.26 จุด ลดลง 7.66 จุด หรือ -0.21% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,807.92 จุด เพิ่มขึ้น 65.40 จุด หรือ +0.51%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) โดยดีดตัวขึ้นขานรับความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) และการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งได้ช่วยคลายความวิตกที่ว่า เศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษ

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.18% ปิดที่ 391.25 จุด

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,466.86 จุด เพิ่มขึ้น 73.52 จุด หรือ +1.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,418.11 จุด เพิ่มขึ้น 171.81 จุด หรือ +1.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,453.16 จุด เพิ่มขึ้น 36.84 จุด หรือ +0.57%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่อังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) จะยังคงสามารถทำข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ ซึ่งได้ช่วยบดบังความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่พบในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,453.16 จุด เพิ่มขึ้น 36.84 จุด หรือ +0.57%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ และการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งในยุโรปและสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 95 เซนต์ หรือ 2% ปิดที่ 47.02 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 83 เซนต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 50.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3 ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 12.5 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,870.3  ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 84.4 เซนต์ หรือ 3.2% ปิดที่ 25.535 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 6.7 ดอลลาร์ หรือ 0.66% ปิดที่ 1,009.4 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.70 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 2,323.10 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าซื้อดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.68% แตะที่ 90.6500 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.68 เยน จากระดับ 103.34 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8901 ฟรังก์ จากระดับ 0.8846 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2902 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2829 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2160 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2249 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3353 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3460 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7530 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7596 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button