หุ้นลุ้นไม่ล็อกดาวน์
วันนี้ (24 ธ.ค.) จะมีการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
วันนี้ (24 ธ.ค.) จะมีการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
ตลาดหุ้นกำลังจับตามาตรการที่ว่านี้อย่างใกล้ชิด
มีความเห็นแบ่งออกไปสองด้าน
ด้านแรกอยากให้ “ล็อกดาวน์” เหมือนกับก่อนหน้านี้
ทว่าวิธีการนี้จะทำให้ธุรกิจต่าง ๆ อาจจะเผชิญกับความเสียหายมากกว่าครั้งแรก
หลังจากเริ่มอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว
ส่วนอีกด้านลุ้นว่า หากเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าไปใช้บริการที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร บริการของโรมแรม ฯลฯ แบบนี้พอรับได้
แต่หากให้ปิดบริการแบบล็อกดาวน์ไปเลยนั้น
ธุรกิจที่เพิ่งจะฟื้นตัว อาจจะ “พัง” ไปเลยมีโอกาสสูงมาก
มีคำแนะนำฝากไปถึงภาครัฐว่า ไม่ควรนำเรื่อง “ระบบสาธารณสุข” มานำ “เศรษฐกิจ”
เพราะสาธารณสุขจะดีได้ จะต้องมีเศรษฐกิจที่ดี
ดังนั้นทั้งสองอย่าง ในช่วงเวลาแบบนี้ จะต้องค่อย ๆ ประคองกันไป โดยให้เศรษฐกิจเป็น “ตัวนำหน้า”
มีนักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า หากใช้เพียงมาตรการคุมเข้ม แนวรับของดัชนีตลาดหุ้นไทยระหว่าง 1,370-1,390 จุด ยังพอรับมือได้ หรือไม่น่าจะหลุด
แต่หากล็อกดาวน์เหมือนรอบแรก
ดัชนีมีโอกาสที่จะลงไปลึกกว่านั้น และยากที่จะคาดการณ์
หรือเบื้องต้น อาจจะร่วงหลุด 1,300 จุด จากแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ
ส่วนกลุ่มที่เทขายนอกจากนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ แล้ว
ยังมาจากกลุ่ม “นักลงทุนต่างประเทศ” ด้วย
นับตั้งแต่ที่ตรวจเพิ่มผู้ติดโควิดเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา และผ่านมาจนถึงวานนี้
กองทุนได้มีการขายทุกวันรวมกันกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
หันมาดูนักลงทุนต่างประเทศ กลับมีการซื้อสวนในช่วงวันที่ 21-22 ธ.ค. และมาขายเมื่อวานนี้เพียงเล็กน้อย 679 ล้านบาท และก็น่าจะเป็นการขายแบบปกติที่คาดกันไว้
เพราะเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส
วอลุ่มของต่างชาติจะค่อย ๆ ลดลง และจะกลับเข้ามาอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือนม.ค.ของปีถัดไป
เว้นแต่ว่า หากทางการเลือกล็อกดาวน์เหมือนรอบแรก
โอกาสที่ต่างชาติจะกลับเข้ามาซื้อเพิ่มน่าจะยาก จึงเป็นเรื่องที่ทางการต้องประเมินสถานการณ์ให้รัดกุม
มีข้อมูลจาก SET Note ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่น่าสนใจ
พบว่า การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่ม SET100 ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคามากกว่าการเปลี่ยนแปลงของ SET Index
82% ของมูลค่าหลักทรัพย์ในการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศนั้น
จะเป็นหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET100
โดย 75% อยู่ในกลุ่ม SET50
และ 7% อยู่ในกลุ่ม SET 51-100
มาดูมุมมองของ บล.บัวหลวง ต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่กันบ้าง
บัวหลวง ระบุว่าจะมี “ผลกระทบระยะสั้น” เท่านั้น
ขณะที่กระแสเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ายังสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น
และดันดัชนีปี 2564 เพิ่มขึ้นไปแตะ 1,550 จุด ที่ระดับ P/E 18 เท่า
จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะปิดระดับ 1,430 จุด
ปัจจัยหนุนมาจากความคืบหน้าของการนำวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ออกมาใช้จริง ซึ่งจะเริ่มมีการกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ มากขึ้นในปีหน้า ทำให้ปัจจัยโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงอย่างชัดเจน