IND ร่วงเฉียด 24% นลท.ขายทำกำไร หลังหุ้นกระฉูด 2 วันติด!
IND ร่วงเฉียด 24% นลท.ขายทำกำไร หลังหุ้นกระฉูด 2 วันติด!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND ล่าสุด ณ เวลา 16.12 น. อยู่ที่ระดับ 2.36 บาท ปรับตัวลดลง 0.74 บาท หรือ 23.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218.53 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงหลังจากเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 เป็นวันแรก ด้วยราคา IPO ที่ 1.10 บาท
ทั้งนี้ ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน IND เปิดเผยว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของ IND ราคาหุ้นช่วงเปิดอยู่ที่ 1.55 บาท จากราคา IPO ที่ 1.10 บาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 40.91% และมาปิดตลาดที่ระดับ 2.98 บาท บวก 1.88 บาท หรือ 170.91% จากราคา IPO ที่ 1.10 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของบริษัทฯ และผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่มีต่อหุ้น IND ซึ่งการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน ทำให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาและยกระดับความน่าเชื่อถือให้มีมาตรฐานและมีความเป็นสากล โปร่งใส และตรวจสอบได้มากยิ่งขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ นายชัยณรงค์ ณ ลำพูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IND เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปี 64 อยู่ที่ระดับ 700-900 ล้านบาท เติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 63 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวม 600 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากงบประมาณปี 64 ของภาครัฐสามารถใช้จ่ายได้ตามปกติ ทำให้เชื่อว่าจะมีโครงการขนาดใหญ่ออกมาประมูลจำนวนมาก หลังจากงบประมาณปี 63 ล่าช้าไปมาก รวมไปถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 น่าจะดีขึ้น แม้ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยในประเทศยังคงพุ่งขึ้นสูง
ทั้งนี้เชื่อว่า ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไปการรับงานภาครัฐทั่วไปจะกลับมาเป็นงบปกติ โดยจะมีการทยอยประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีผลงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design and Build) ให้หน่วยงานภาครัฐต่างๆ อยู่แล้ว ขณะที่เดียวกันบริษัทมีแผนจะเข้าร่วมประมูลงานโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะงานสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
สำหรับโครงการเด่นๆใน EEC ได้แก่ งานในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ที่ได้เซ็นสัญญารับคุมงานรันเวย์ มูลค่า 27 ล้านบาท รวมถึงงานอื่นๆที่จะเปิดประมูล และคาดว่าจะได้เข้ารับงานในงานระบบน้ำมัน งานระบบจ่ายน้ำมันใต้ดิน และงานก่อสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่ลูกค้าของบริษัท คือ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) และบมจ. ปตท. (PTT) มีโอกาสชนะประมูล ซึ่งจะมีการยื่นประมูลงานออกแบบและก่อสร้างระบบน้ำมันของสนามบินในวันที่ 8 ม.ค.64 นี้
“งานระบบน้ำมันฯ เบื้องต้นลูกค้าบริษัทมีโอกาสได้รับการชนะประมูลสูงกว่าคู่แข่ง และหากได้รับงานมาแน่นอนว่าทาง IND มีโอกาสที่จะได้นำศักยภาพที่มีอยู่เข้าไปบริการเหมือนเช่นเคย ส่วนปัจจุบันบริษัทงานในมือรอรับรู้รายได้รวม 530 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องตามสัญญางาน และไม่นับรวมงานใหม่ที่รับมาตั้งแต่ไตรมาส 4/63 (คุมงานรันเวย์ มูลค่า 27 ล้านบาท)”นายชัยณรงค์ กล่าว
สำหรับการระดมทุนจากการขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในครั้งนี้ 99 ล้านบาท ไม่ใช่จำนวนที่มากนัก แต่การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จะสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของบริษัทต่อผู้ว่าจ้าง ลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ มากขึ้น
โดยบริษัทมีแผนนำเงินไปลงทุนด้านเทคโนโลยี และไอทีสารสนเทศ ทั้งคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ซอฟต์แวร์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการสร้างบุคลากร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการให้บริการ รองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในทุก ๆ 3 ปี เพื่อตามเทคโนโลยีคู่แข่งต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น
ประกอบกับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจให้คล่องตัว และเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง และเป็นฐานทุนเข้ารับงานที่โครงการขนาดใหญ่มากขึ้นในปี 64 โดยบริษัทจะมีการพิจารณาระดมทุนเพิ่มหากมีโอกาสในการเข้าประมูลโครงการในแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศระดับ 1,000-10,000 ล้านบาท เพราะมีข้อจำกัดเรื่องทุนจดทะเบียนไม่ถึงเกณฑ์เข้าประมูล