สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ธ.ค. 2563
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 24 ธ.ค. 2563
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) ขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐ รวมทั้งรายงานที่ว่าขณะนี้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในสหรัฐได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,199.87 จุด เพิ่มขึ้น 70.04 จุด หรือ +0.23% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,703.06 จุด เพิ่มขึ้น 13.05 จุด หรือ +0.35% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,804.73 จุด เพิ่มขึ้น 33.62 จุด หรือ +0.26%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันแล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้กับประชาชนในประเทศต่างๆ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.12% ปิดที่ 395.98 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,522.01 จุด ลดลง 5.58 จุด หรือ -0.10% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,502.11 จุด เพิ่มขึ้น 6.36 จุด หรือ +0.10%
ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนีปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันคริสต์มาส อีฟ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) ขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้แล้ว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,502.11 จุด เพิ่มขึ้น 6.36 จุด หรือ +0.10%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) ขานรับข่าวอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ในสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะลงนามบังคับใช้หรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ลงนามในมาตรการดังกล่าว
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.27% ปิดที่ 1,883.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1.3 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 25.908 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 11.8 ดอลลาร์ หรือ 1.16% ปิดที่ 1,028.9 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 2,345.90 ดอลลาร์/ออนซ์
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) ขานรับข่าวอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.06% แตะที่ 90.3600 เมื่อคืนนี้
เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3534 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3480 ดอลลาร์ ขณะที่ยูโรทรงตัวที่ระดับ 1.2179 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7593 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7572 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.67 เยน จากระดับ 103.61 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8907 ฟรังก์ จากระดับ 0.8889 ฟรังก์ แต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2857 ดอลลาร์แคนาดา